top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว Benihana โรงแรม Avani Atrium Bangkok เทปันยากิไฟลุกซู่ซ่าได้ทั้งความอร่อยและสนุกในมื้อเดียวกัน

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ย. 2566



วันนี้เราได้รับการรับเชิญจาก PR ของโรงแรม Avani Atrium Bangkok ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ให้เข้ามารีวิวที่ห้องอาหาร Benihana (เบนิฮานะ) ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปันยากิกระทะร้อนที่เน้นใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมและเพิ่มความสนุกสนานในการปรุงอาหารเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นร้านในฝันที่เราอยากจะทานมานานแล้วก็เลยตอบตกลงแบบไม่ต้องรีรอ วิธีการเดินทางมาที่โรงแรมก็ง่ายๆถ้ามาด้วย MRT ให้ที่ลงสถานีเพชรบุรีจากนั้นขึ้นแท๊กซี่หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาที่โรงแรมได้ทันที ตัวห้องอาหารตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 2 โดยเมนูของที่นี่ขายเป็นแบบเซ็ตตอนนี้กำลังมีโปรโมชั่นเป็นชุด Koji Beef ขนาด 500 กรัม ราคา 3,000++ และชุด Sanriku Coast Oysters 1 ชุดเสิร์ฟหอยนางรมตัวใหญ่เท่าฝ่ามือถึง 4 ตัวราคา 1500++ โปรโมชั่นมีไปยาวจนถึงเมษายนปี 2020 ส่วนห้องอาหารนี้เขาเปิดทุกวัน จ.-ศ. เวลา 12.00-14.30 น. และ 17.00-22.30 น. ส่วนวัน ส.-อา.มีให้บริการทั้งแบบ A La Carte และบุฟเฟ่ต์เริ่มตั้งแต่ 12.00-15.00 น.เมื่อเรามาถึงพนักงานก็เดินออกมาต้อนรับ พร้อมกับมีเสียงฆ้องดังก้องและกล่าวคำต้องรับเป็นภาษาญี่ปุ่นดังลั่นร้าน แสดงว่าเวลาแห่งความสุขเริ่มขึ้นแล้วครับ

ก่อนจะเดินเข้าไปโต๊ะที่ทางห้องอาหารได้เตรียมเอาไว้เราขอเก็บบรรยากาศภายในกันก่อน ทุกพื้นที่ภายในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยพื้นและเฟอร์นิเจอร์สีดำเกือบทั้งหมดตัดด้วยสีแดงสดทำให้ดูหรูหราสไตล์ญี่ปุ่น มีบาร์เครื่องดื่ม/โต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหารเบาๆ รวมไปถึงโต๊ะขนาดใหญ่มีเตาเทปันยากิอยู่ตรงกลางกระจายอยู่ทั่วทั้งห้องอาหารทั้งโซนโต๊ะแบบเปิดโล่งและห้องสำหรับนั่งกันทานแบบส่วนตัว นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกเชฟคนไหนก็ได้ให้ช่วยปรุงอาหาร(เฉพาะชุดเมนูอาหารที่เป็นเทปันยากิ)ได้อีกด้วย โดยวันนี้ทางห้องอาหารได้ทำการเตรียมเชฟคนพิเศษไว้ให้เราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีลีลาการผัดและสร้างความสนุกสนานให้เราได้มากแค่ไหนตอนนี้ไปนั่งรอที่โต๊ะกันครับ

มานั่งที่โต๊ะแล้วขอเล่มเมนูของที่ห้องอาหารมาดูก่อนว่ามีอะไรให้เราทานกันบ้าง ? เริ่มจากเมนูซูชิโรลสูตรเฉพาะของที่ห้องอาหารมีให้เลือกถึง 10 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท หน้าต่อมาเป็นเมนูนิกิริซูชิ (เสิร์ฟละ 2 คำ) และซาชิมิ (เสิร์ฟละ 3 ชิ้น) ราคาเริ่มต้นที่ 150-300 บาท เมนูในเล่มใหญ่หน้าแรกเป็นเมนูพิเศษซูชิโรล Big Mango ราคา ชุดละ 450 บาท เมนูอาหารญี่ปุ่นสำหรับเรียกน้ำย่อยราคา 240-490 บาท ชุดข้าวกล่องเบนโตะสไตล์ญี่ปุ่นราคา 700-800 บาท แซนวิชสไตล์ญี่ปุ่นราคา 650-1,500 บาท เมนูสลัดราคา 220-550 บาท เมนูพิเศษอื่นๆ (มิโสะซุป/ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นย่าง/อุด้งมิโสะ+เทมปุระทอดร้อนๆ) ราคา 150-650 บาท เทปันยากิเนื้อสัตว์และทะเลราคาเริ่มต้นที่ 770-2,400 บาท (เสิร์ฟพร้อมซุปหัวหอม/สลัด/ผักผัก/กุ้ง/ข้าวสวย 1 ชาม) หมวดถัดมาเป็นแบบ Combo มีเนื้อสัตว์ให้ในชุด 2-3 ชนิดแต่จ่ายราคาจานเดียวราคาเริ่มต้นที่ 1,400-3,600 บาท (เสิร์ฟพร้อมซุปหัวหอม/สลัด/ผักผัก/กุ้ง/ข้าวสวย 1 ชาม) หมวดถัดมาเป็นชุดข้าวผัด/ผักย่าง/อุด้งผัดร้อนเสิร์ฟให้แบบ Side Dish ราคาเริ่มต้นที่ 100-450 บาท หมวดต่อมาเป็น Benihana Combo เป็นชุดอาหารแบบพิเศษราคาเริ่มต้นที่ 550-2,900 บาท หน้าถัดมาเป็นเทปันยากิเนื้อระดับพรีเมี่ยมราคาเริ่มต้นที่ 2,300-4,900 บาท ของหวานราคาเริ่มต้นที่ 170-700 บาท ไอศครีมลูกละ 90 บาท ชุดอาหารพิเศษสำหรับมังสวิรัติราคา 1,900 บาท โดยรวมแล้วก็ถือว่าราคาค่อนข้างแรงแต่ว่า 1 จานคุณไม่ได้แค่อาหารแต่จะได้รับความสนุกจากเชฟแต่ละคนกลับไปด้วย ส่วนตัวก็คิดว่าสมเหตุสมผลอยู่เพราะ 1 ชุดที่คุณสั่งไปนั้นจะยกพวกมาทานด้วยกันกี่คนก็ได้ เชฟก็จะทำการตัดแบ่งอาหารให้ตามส่วน (แต่จะอิ่มหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง) เพราะฉะนั้นยิ่งพาเพื่อนมาเยอะก็ได้ประสบการณ์เท่ากันแต่จ่ายน้อยลงด้วยครับ

มานั่งที่โต๊ะสิ่งที่คุณจะได้บริการฟรีก่อนเลยก็คือถั่วแระญี่ปุ่น 1 จานพร้อมกับผ้าเย็นอีกคนละ 1 ผืนเช็ดหน้าให้ชื่นใจ จากนั้นพนักงานก็จะยกสาเกมาวางไว้ให้ 1 ขวด (ขวดนี้ไม่ฟรีแต่เป็นการ Plus Sell หากอยากดื่มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ภายในห้องมีปุ่มพิเศษสำหรับกดสั่งสาเกด้วยไว้เอาใจลูกค้าสายดื่มโดยเฉพาะ ในชุดอาหารที่เราสั่งไปมีซุปหัวหอม(รสชาติเหมือนซุปไก่ใส่เห็ดรสหวานนิดๆซดแล้วคล่องคอ)และสลัดผักที่นี่เป็นน้ำสลัดญี่ปุ่นผสมขิงสับทำให้เผ็ดสดชื่นช่วยลดความเลี่ยนจากเนื้อได้เป็นอย่างดี เปิดต่อมรับรสด้วยสาเกสูตรพิเศษ Haku Vodka ราคาแก้วละ 290 บาท สาเกญี่ปุ่นผสมแตงกวา/เปลือกเลมอนและวาซาบิ ให้รสเปรี้ยว/หวานฉุนวาซาบินิดๆดื่มแล้วสดชื่นดีครับ

ตามมาด้วยซูชิโรลสูตรพิเศษของที่ห้องอาหารเมนูแรกคือ Mango Salmon Roll ราคา 450 บาท ซูชิแบบโรลสอดไส้ด้วยเนื้อปลาแซลมอน/ปูอัดและอโวคาโดพันด้วยสาหร่ายและข้าวซูชิบางๆท๊อปปิ้งด้านบนสุดด้วยเนื้อมะม่วงสุกรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆและมายองเนสกับไข่ปลาบินปรุงรสช่วยลดความมันเลี่ยนของเนื้อปลาแซลมอนกับอโวคาโดได้ลงตัวดีครับ จานต่อมาคือ The Fat Duck ซูชิโรลที่ด้านในสอดไส้ด้วยครีมชีส/แตงกวาญี่ปุ่น/หน่อไม้ฝรั่งและอโวคาโดด้านนอกท๊อปปิ้งด้วยแซลมอนกับตับห่านเบิร์นไฟราดด้วยซอสเทริยากิเพิ่มวาซาบิปาดลงไปอีกหน่อย ช่วยลดความมันเลี่ยนได้เป็นอย่างดีเลยครับ และจานสุดท้ายคือ Rocky 's Moutain Sanwich เป็นซูชิในรูปแบบของแซนวิชสามเหลี่ยมด้านในสอดไส้ด้วยหัวหอมญี่ปุ่น/ต้นอ่อนหัวผักกาด/คลุกด้วยไข่ปลาบินปรุงรส/ราดน้ำมันพริก/ซอสสไปซี่มายองเนส ดูจากส่วนประกอบเหมือนจะธรรมดาๆแต่มีการวางระเบิดไว้เป็นเมล็ดพริกจีนที่เคี้ยวแล้วเผ็ดฉุนขึ้นจมูกให้ความจี๊ดจ๊าดในทุกคำที่เคี้ยว ทั้ง 3 จานถือว่าเป็นเมนูซูชิโรลรูปแบบใหม่ที่อร่อยไม่เหมือนกับใครดีครับ

เชฟที่วันนี้จะมาทำการปรุงอาหารและทำการแสดงให้เราชื่อว่าเชฟพลอย เป็นเชฟผู้หญิงเพียงคนเดียวของห้องอาหาร Benihana สาขาโรงแรม Avani Atrium Bangkok มาถึงก็ทำการแนะนำตัวและทวนรายการว่าวันนี้เราจะได้ทานเมนูอะไรบ้าง (เดี๋ยวเราจะไล่เรียงไปพร้อมกันในรีวิวนี้) สะดุ้งกว่าคือเชฟทักว่าเมื่อวานไปร้าน Neta Grill สาขา Mega Bangna มาใช่ไหมคะ? นั่งอยู่โต๊ะข้างๆหน้าตาคุ้นๆ คำตอบคือ"ใช่ครับ"และได้สอบถามเชฟในฐานะที่ลูกค้าด้วยว่าวัตถุดิบที่ได้ทานในวันนั้นเหมือนที่นักรีวิวได้ทานไหม คำตอบคือ"ไม่ต่างกันครับ" พูดคุยกันได้สักพักได้เวลาเริ่มความสนุกโดยการควงอุปกรณ์ทำครัวเคาะเป็นจังหวะพร้อมกับคำนับและแนะนำซอสทั้ง 3 สูตรให้เราได้ชิมกันก่อนสูตรแรกคือน้ำจิ้ม Ginger Sauce เป็นซอสขิงบดที่หน้าตาคล้ายน้ำจิ้มข้าวมันไก่แต่รสชาติใสๆหอมกลิ่นโชยุมีความเปรี้ยวและฉุนกลิ่นขิงบดอ่อนๆสำหรับทานคู่กับเมนูซีฟู๊ด สูตรต่อมาคือ Mustard Cream Sauce เป็นครีมที่หอมมันรสชาติอมเปรี้ยวนิดๆเอาไว้ตัดความเลี่ยนจากเมนูเนื้อที่มีไขมันเยอะ สุดท้ายคือ Spicy Sauce เป็นซอสที่เผ็ดเข้มข้นกลิ่นพริกตีขึ้นจมูก ถึงจะเป็นซอสพริกแบบญี่ปุ่นแต่มีความเผ็ดร้อน(เหมือนเขาผสมพริกฮาบาเนโร่ลงไปด้วย) ขนาดเราเป็นคนกินเผ็ดนะจิ้มนิดเดียวก็รู้เรื่องแล้ว พร้อมกับโชว์ไฟลุกซู่ซ่าตรงหน้าเป็นการต้อนรับ (ณ จุดๆนี้เชฟจะแนะนำให้เรานั่งติดพนักพิงแบบสุดๆ) ได้เวลาเมนูกุ้งและผัดผักฟรีในชุดอาหารออกโรงเรียกน้ำย่อยแล้วครับ

เมนูชุดแรกเป็นกุ้งและผัดผักถึงจะเป็นเมนูที่ทำให้ฟรีในชุดอาหารโปรโมชั่นที่เราสั่งไปแต่คุณภาพอาหารที่ใช้นั้นถือว่าดีมากๆ ในชุดประกอบด้วยหอมใหญ่/เฟตูชินี่/เห็ดออเร็นจิ/บล๊อกโคลี่/ถั่วงอกเด็ดหัว/และกุ้งลายเสือตัวใหญ่อีก 4 ตัว (แต่เราสั่งชุดโปรโมชั่น 2 ชุดจึงได้ทุกอย่างปริมาณ 2 เท่า) สิ่งที่สุกอย่างแรกก็คือกุ้งลายเสือที่ถุกผ่าหลัง/ตัดเอาหางออก(แต่ไม่ทิ้งนะ) ปรุงรสด้วยเนยกระเทียมสูตรพิเศษของทางห้องอาหาร/เกลือ/พริกไทย จะทานเปล่าๆก็อร่อยเนื้อกุ้งหวานกรอบหอมเนยกระเทียมอ่อนๆ หรือจะจิ้มกับ Ginger Sauce ตามที่เชฟแนะนำก็อร่อยหอมขิงสดชื่นดีครับ ส่วนผักที่เหลือก็มีการโชว์ไฟลุกซู่ซ่าเล็กน้อยด้วยการทำภูเขาไฟจากหอมหัวใหญ่ยิงเลเซอร์ดูตื่นตาและช่วยทำให้หอมใหญ่หวานขึ้น จากนั้นนำไปผักกับผักต่างๆด้วยเนยกระเทียมและโชยุเป็นผัดผักสูตรพิเศษที่ช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ส่วนหางกุ้งที่เหลือก็ทำไปทอดด้วยไฟเบาๆจนกรอบแบบขนมเคี้ยวเพลิน เป็นการโชว์ถึงศิลปะการใช้ไฟกับวัตถุดิบต่างๆพร้อมสร้างความสนุดสนานไปด้วยในตัว ได้เวลาสนุกกับจานหลักจานแรกกันแล้วครับผม

ชุดอาหารแรกเป็นชุดโปรโมชั่นประจำเดือน ชื่อว่า Sanriku Coast Oysters ราคา 1500++ เป็นหอยนางรมตัวยักษ์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 4 ตัวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ นำไปชุบแป้งทอดและทำซอสเนยกระเทียม+โชยุราดบนตัวหอยนางรมที่สุกดีแล้วอีกชั้น คำเดียวได้หลายสัมผัสทั้งแป้งกรอบๆด้านนอก/เนื้อหอยนางรมตัวใหญ่เคี้ยวเต็มคำ /ฉ่ำกลิ่นน้ำทะเลเบาๆเคล้าเนยกระเทียมในปากเข้ากันได้ดีไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มเติม มาคิดอีกทีหอยนางรมสดตัวใหญ่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเท่าขนาดฝ่ามือแบบนี้ราคาเฉลี่ยตัวละ 375++ ไม่น่ามีขายร้านไหนในไทยยังไงก็คุ้มครับผม

มาต่อกันด้วยชุดอาหาร Seafood Delight ราคา 1800 บาท ในชุดประกอบด้วยปลาทูน่าส่วน Akami 3 ชิ้น แซลมอนแอตแลนติก 3 ชิ้นและกุ้งลายเสืออีก 3 ชิ้นนำไปทอดจนเนื้อสุกเกรียมนอกฉ่ำในปรุงรสด้วยเกลือ/พริกไทยและเนยกระเทียมก่อนเสิร์ฟนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำจากนั้นซ้อนกันเป็นพีระมิด แล้วท๊อบปิ้งด้วยหอมหัวใหญ่/แครอท/พริกหวานแดงหั่นเส้นผัดจนสุกหวานสุดท้ายราดด้วยซอสสไปซี่มาโยรสเผ็ด/เปรี้ยวช่วยทำให้รสชาติทุกอย่างอร่อยและกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการนำวัตถุดิบที่ดีมาปรุงแบบมืออาชีพทานคู่กับซอสสูตรพิเศษอร่อยลงตัวดีครับผม

เมนูถัดมาคือ Beef Nege Maki หรือเนื้อวัวออสเตรเลียวากิวส่วนสันในที่นุ่มแต่มีไขมันน้อยนำมาม้วนแบบซูชิโรลมากิ ด้านในสอดไส้ด้วยต้นหอม/เห็ดเข็มทองและฟัวกราส์นำมาย่างบนกระทะจนสุกเกรียมทุกด้าน จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นพอคำจัดลงจานแล้วท๊อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอนราดซอสเทริยากิ ให้รสหวาน-หอมมันตับห่าน-เนื้อวัว/เห็ดเข็มทองเคี้ยวหนึบหนับตัดเลี่ยนด้วยต้นหอมกลิ่นฉุนขึ้นจมูกเค็มรสไข่ปลาแซลมอน ได้รสชาติครบทุกมิติลงตัวดีครับ

ชุดอาหารจานสุดท้ายเป็นเมนูโปรโมชั่นพิเศษ Koji Beef Wagyu ขนาด 500 กรัม ราคา 3,000 ++ เป็นเนื้อออสเตรเลียวากิวส่วนโทมาฮอว์ก ที่ตัดเอาแต่เนื้อล้วนๆไปหมักกับกากสาเกให้เอนไซม์ของกากสาเกทำให้เนื้อวัวนุ่มและมีรสชาติเข้มข้นหวานอร่อยมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยดูดเอาเลือดและน้ำเนื้อส่วนเกินของวัวออกราวกับนำเนื้อไปผ่านกระบวนการ Dry Aged แบบญี่ปุ่น นำมาย่างให้สุกแบบ Medium Rare โดยเชฟได้หั่นเอาส่วนไขมันออกไปเจียวเพื่อให้ได้รับรสของไขมันเนื้อที่ดีมากยิ่งขึ้น เนื้อสุกนุ่มดีรสชาติเข้มข้นตามที่เชฟกล่าวอ้างไม่มีผิด ส่วนน้ำของเนื้อก็ถูกปิดผนึกเอาไว้เป็นอย่างดีไม่ไหลนองมาเต็มจานแบบเนื้อสเต็กทั่วไปเป็นเมนูเนื้อพรีเมี่ยมที่ผมชอบมากๆครับ

ทุกชุดอาหารที่เราสั่งไปวันนี้จะมีข้าวสวยให้ทานอีกคู่กันชุดละ 1 ถ้วย (ยกเว้นชุด Seafood Delight) แต่วันนี้ทางห้องอาหารได้นำข้าวทั้ง 3 ถ้วยมาผัดเป็น Hibachi Rice หรือข้าวผัดกระเทียมสูตรเบนิฮานะปกติราคาถ้วยละ 200 บาท แต่ก็ไม่ได้แค่ทานข้าวผัดเปล่าๆเพราะก่อนที่จะเริ่มเชฟให้เราเล่นเกมส์โยนไข่ขึ้นฟ้า หมุนไข่บนกระทะแล้วใช้ตะหลิวแบนโยนขึ้นฟ้าและรับให้ได้ (รับได้หรือไม่ก็ไม่ต้องซีเรียสเพราะเป็นการเล่นสนุกกันเฉยๆ) แล้วถึงจะเริ่มทำข้าวผัดให้กับเรา วิธีการทำคือนำไข่ไก่สดไปทอดเป็นไข่เจียวม้วนจากนั้นนำข้าวไปผัดกันเนยกระเทียมสูตรของที่ห้องอาหารแบบพูนๆ ปรุงรสด้วยเกลือ+พริกไทย+โชยุ ก่อนที่จะนำผักและวัตถุดิบอื่นๆมาเรียงกันเป็น I ❤ U วางเป็ดไว้ด้านบนแล้วยิงเลเซอร์ด้วย แต่ความขี้เล่นของเชฟยังไม่หมดมีการนำงาขาวมาเรียงเป็นตัว E กลายเป็นคำว่า Love ให้เราได้ถ่ายรูปกันอีกครั้ง ก่อนที่จะสับไข่เจียวให้ละเอียดผสมเครื่องทุกอย่างให้เข้ากันกลายเป็นข้าวผัดสไตล์ญี่ปุ่นเมล็ดข้าวหนึบหนับหอมกลิ่นเนยกระเทียมและกระทะเบาๆ ทานได้เพลินๆเป็นการปิดท้ายมื้อนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ของหวานมื้อนี้ทางห้องอาหารจัดมาให้เราชิม 2 เมนูคือ Raindrop Cake ราคา 230 บาท เป็นเยลลี่ผลไม้รสเปรี้ยวด้านในสอดไส้ด้วยบลูเบอรี่และราสเบอรี่ เสิร์ฟพร้อมด้วยบลูเบอรี่/ราสเบอรี่/สตรเบอรี่สด/วิปครีมราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทายแดงแบบเกล็ด ได้ความสวยงามหรูหราและเปรี้ยวหวานช่วยล้างกลิ่นคาวเนื้อและทะเลในปากได้เป็นอย่างดี สุดท้ายเป็นเมนูของหวานที่เป็น Signature ของที่นี่ Benihana Flower ราคา 700 บาท เป็นมูสเค้กแบบครีมชีสสอดไส้ด้วยเยลลี่สตรเบอรี่ตรงกลางส่วนกลีบดอกไม้หลายสีด้านนอกเป็นไวท์ช๊อกโกแลตผสมสีนำมาเรียงกันอย่างสวยงาม รสชาติเปรี้ยว/หวาน/มันอร่อยลงตัวสมกับเป็นเมนูแนะนำของที่นี่ครับ

สุดท้ายนี้เราขอนำรายชื่อเชฟที่ห้องอาหารนี้มาให้ทุกคนได้เลือกกัน อยากได้ความสนุก-กวนมากขนาดไหนก็โทรสอบถามกับทางห้องอาหารก่อนเข้าใช้บริการได้เลยครับ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าราคาอาหารที่นี่ค่อนข้างสูงเกินไปแต่อยากสัมผัสความสนุกแบบนี้บ้างก็สามารถเข้ามาใช้บริการในวัน ส.-อา. เวลา 12.00-15.00 น. เขาเปิดบริการเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 1,550++ มีเมนูให้ตักทานได้ไม่อั้น 8 เมนูและเมนูเทปันยากิ (ที่มีเชฟออกมาทำให้ทานแบบเดียวกับวันนี้) เลือกได้ 1 จาก 4 เมนู พร้อมของหวานที่ทำจากมะม่วงอีกเพียบ (ทางห้องอาหารจัดให้เป็นซุ้มใหญ่เปลี่ยนผลไม้ไปตามฤดูกาล) เดี๋ยวเรามีโอกาสแล้วจะตามเข้ามารีวิวครั้งหน้าวันนี้ถือว่าฝันที่อยากมาชิมได้เป็นจริงแล้วครับ

มื้อนี้ผมมาทานกัน 3 คนกับ PR อีก 2 คนก็รวมเป็น 5 ท่านได้ทานอิ่มกำลังดี สั่งเครื่องดื่มมาทานกันแบบกระหน่ำถ้ามื้อนี้ต้องจ่ายเองจะอยู่ที่ 14,576 ฿ (รวม Vat. และ Service Charge อีก 17% แล้ว) ก็จะตกคนละ 2,915.20 บาท ถ้าคิดว่ามื้อนี้เราทานแค่อาหารเฉยๆจะถือว่าราคาสูงมาก แต่ถ้าคิดว่ามาดูโชว์พิเศษจากเชฟได้ทานอาหารคุณภาพสูง พร้อมกับได้ความสนุกตื่นเต้นกลับไปด้วยก็ถือว่าเป็นราคาที่น่าจ่ายอยู่ครับ แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าถ้าพาเพื่อนๆมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันจะทำให้ราคาต่อหัวลดไปมากกว่ายิ่งเดิมอีก เพราะว่าถ้าสั่งอาหาร 1 ชุดที่ห้องอาหารนี้เขาก็ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าทานได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นมื้อนี้ทุกคนที่มาจะได้รับประสบการณ์เท่าๆกันแต่ได้รับความอิ่มลดลงแค่นั้น เราได้สอบถามกับทางห้องอาหารแล้วใครจะพาเพื่อนมาเยอะๆก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนะครับ สำหรับวันนี้ห้องอาหาร Benihana รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 1880 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310

ร้านเปิดทุกวัน จ.-ศ. เวลา 12.00-14.30 น. และ 17.00-22.30 น. และวัน ส.-อา. 12.00-15.00 น.

โทร. 02-718-2000

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 12,331 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Коментари


bottom of page