มีรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนผมคนนึงใน Facebook เคยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Bath ประเทศอังกฤษแต่ดรอปก่อนที่จะกลับมาไทยเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 บ่นว่าอยากทาน Fish & Chips สไตล์เมืองผู้ดีแท้ สักพักเห็นเช็คอินอีกทีอยู่ร้าน Buster’s Fish And Chips - Comfort Food & Drinks ในซอยสุขุมวิท 33/1 ที่ผมเคยมารีวิวร้าน Unatoto ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ติดๆกันเลย จึงแชทไปสอบถามน้องคนนี้ได้ความมาว่าร้านนี้เชฟเจ้าของร้านเป็นชาวอังกฤษมาอยู่ไทยพร้อมกับครอบครัวแล้วได้เปิดกิจการนี้ จุดเด่นของก็คือแป้งและปลานำเข้าชนิดพิเศษเห็นว่าปลาสายพันธุ์นี้มีเพียงแค่ไม่กี่ร้านนำเข้ามาขายในไทย โดยเป็นเนื้อปลาแบบเดียวกับที่คนอังกฤษนิยมทานที่สุดอีกทั้งยังมีวิธีการทานเหมือนต้นตำรับแท้ๆด้วย ปกติเราก็เคยทานแต่ฟิชแอนด์ชิปส์ภายในร้านอาหาร-คาเฟ่ทั่วไปแต่ไม่เคยทานแบบต้นตำรับจริงๆเลยตัดสินใจว่าจะมารีวิวที่ร้านนี้เพราะข้อมูลน้อยมากแต่ได้รับคะแนนรีวิวทุกสำนักอยู่ที่ 4-4.5 ดาวแสดงว่ามีดีที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ส่วนวิธีการเดินทางมาก็ง่ายๆหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวภายในซอยมีที่จอดแต่ไม่มากแถมดูวุ่นวายสุดๆเพราะซอยติดกับซุปเปอร์มาร์เก็ตฟูจิ ให้สะดวกที่สุดคือมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินตาม Google Maps มาอีกประมาณ 200 เมตรก็ถึงหน้าร้านแล้วครับ ต้วร้านนั้นหาไม่ยากเพราะป้ายชื่อใหญ่โตและประตูบานสีแดงเหมือนตู้โทรศัพท์สาธารณะกับตู้ไปรษณีย์ของประเทศอังกฤษตัดกับพื้นสีดำหน้าร้านเป็นกระจกบานใหญ่แบบนี้แสดงว่ามาถึงร้านแล้ว เราเดินเข้าไปด้านในกันเลยครับผม
บรรยากาศภายในร้านมีความเป็น British Vintage Diner ประมาณยุค 80-90 โดยพื้นเป็นลายขาวดำแบบตารางหมากรุก เค้าท์เตอร์ในครัวและกำแพงร้านปูด้วยกระเบื้องสีดำสลับแดงส่วนไฟภายในร้านใช้สีเหลืองดูมีความอบอุ่นราวกับร้านอาหารฝรั่งแบบบ้านๆตามสไตล์ของที่ร้าน ส่วนชั้น 2 บรรยากาศไม่เหมือนกับด้านล่างเลยและน้องที่ผมรู้จักชอบมานั่งที่นี่เพราะได้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นอยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ นัดเพื่อนมานั่งเล่น-ทานอาหารแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่ากับชั้นล่าง และเท่าที่สังเกตลูกค้าชาวไทยส่วนใหญ่ชอบนั่งชั้นบนมากกว่าครับ
แนวคิดของที่ร้านนี้เหมือนกับประเทศอังกฤษเลยคือฟิชแอนด์ชิปส์สำหรับที่อังกฤษเป็น Street Food สั่งแล้วใส่กล่องไปนั่งทานที่ไหนก็ได้คล้ายๆข้าวตามสั่งใส่กล่องบ้านเรา วิธีการสั่งอาหาร-การจัดเสิร์ฟของที่ร้านนี้จึงมีความไม่เหมือนกับร้านอาหารอังกฤษในประเทศไทยทั่วไป เริ่มจากการสั่งอาหารร้านนี้ใช้ระบบ Fast Food ลงมาสั่งก่อนแล้วจ่ายเงินให้เรียบร้อยส่วนอาหารจะไปเสิร์ฟที่โต๊ะทีหลัง หมวดแรกคือเมนู Fish & Chips ก็มีปลาให้เลือกหลากหลายชนิดทั้ง Cod (ปลาคอด) / Haddock (ปลาแฮดด็อค) / Sea Bass (ปลากะพง) / Halibut (ปลาตาเดียว) ชุบด้วยแป้งผสมเบียร์ราคาเริ่มต้นที่ 330-440 บาท ในชุดเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด/เลมอนและซอสเลือกได้แค่ 1 จากเมนูหมวดถัดไปคือ "Chip Shop Chips" ราคา 110 บาทเป็นมันฝรั่งทอดเปล่าๆไว้ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของที่ร้านเลือกได้ 6 รสชาติก็คือ ทาร์ทาร์ซอส/สไปซี่ชีส/หัวหอมชีส/วาซาบิมาโย/ศรีราชามาโยและเจแปนนีสมาโย นอกจากนี้ยังมีเมนูพายอบไส้เนื้อวากิว-หัวหอม/ไส้อกไก่ผสมต้นหอมและแฮม/ไส้แกงไก่มาซาล่า/ไส้เนื้อแกะอบโรสแมรี่/ไส้กรอกยักษ์ม้วนแป้งพายราคา 150-185 บาท หากต้องการชุดเครื่องเคียงทานคู่กับพายประกอบไปด้วยมันฝรั่งทอด/ผักและน้ำเกรวี่ (โดยน้ำเกรวี่จะให้ฟรี 1 ถ้วยอยู่แล้วเมื่อสั่งพายอบทุกไส้) ราคา 120 บาท เครื่องเคียงนั้นมีทั้งถั่วลันเตาบด/ถั่วอบ/เคอรรี่ซอส(แบบเดียวกับในเคอรรี่วูสต์เยอรมัน)/หอมใหญ่ดองหรือเพิ่มดิปซอสราคา 25-60 บาท นอกจากเมนูของทอดแล้วที่ร้านยังมีอาหารยุโรปอื่นอีกทั้งมักกะโรนี 3 ชีส/ลาซานญ่าหมู/ไส้กรอกชุบแป้งทอดสไตล์อังกฤษ/สลัดตามฤดูกาลราคา 110-290 บาท ของหวานมีพายแอปเปิ้ล/พายเชอรี่และช๊อกโกแลตยี่ห้อ Mars ชุบแป้งทอดราคา 75-140 บาท นอกนั้นเป็นเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ราคา 45-480 บาท เมนูเด็ดอย่างสุดท้ายของที่ร้านคือมิลค์เชค 3 รสชาติ (ช็อกโกแลต/วนิลา/สตรอเบอรี่) แก้วละ 95 บาท ถ้าใครคิดว่าฟิชแอนด์ชิปส์ของที่ร้านนี้ยังแพงอยู่สั่งชุด Lunch ราคา 165 บาทได้ปลาคอคชิ้นเล็ก+มันฝรั่งทอด+ซอสดิป 1 อย่างส่วนเครื่องดื่มเลือกได้ว่าจะเอาน้ำอัดลมหรือมิลค์เชคแก้วเล็กฟรี เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.00-15.00 น. ช่วงเวลาที่มีคนเยอะระหว่างรอก็ดูเมนูที่กำแพงร้านได้พลางๆ โทรถามผู้รู้ก่อนว่าควรสั่งอะไรดีจากนั้นจ่ายเงินและไปนั่งโต๊ะกันครับ
มื้อนี้เรามากัน 2 คนสั่งอาหารทั้งหมด 17 อย่างรวม 1,630 บาท ไม่มี Vat. กับ Service Charge มากวนใจ ตอนนี้เราคงบอกยังเรื่องความอร่อยคุ้มค่าไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ารสชาติและปริมาณจะสมราคาหรือเปล่า แต่ส่วนตัวถือว่าปกติสำหรับร้านอาหารฝรั่งในประเทศไทย และถ้าเทียบกับราคาขายภายในอังกฤษจริงๆร้านนี้แพงกว่านิดหน่อย เพราะนำเข้าปลาพิเศษที่ไม่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ส่วนจะเป็นปลาอะไรแล้วทอดออกมารสชาติจะดีสมกับที่ต้องมาทานหรือไม่ เดี๋ยวเรารออาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกันครับผม
สิ่งนึงที่เห็นว่าร้านนี้เขาเข้าใจคนไทยประเทศที่เปลืองซอสที่สุดในโลกคือเหล่าเครื่องปรุงหลายรายการทั้งเกลือ/พริกไทย/ซอสมะเขือเทศแบบขวดแต่ที่ตื่นตากว่านั้นคือซอสมะเขือเทศ-ซอสพริกแบบหักตรงกลางแล้วบีบจะมีซอสไหลลงมาตรงรอยหัก โดยซอสมะเขือเทศนั้นรสชาติทั่วไปแต่ซอสพริกเป็นแบบเผ็ดเปรี้ยวคล้ายๆสไตล์เม็กซิกัน HP Sauce คือซอสบาร์บีคิวที่เปรี้ยวมากๆเอาไว้ทานกับของทอดและน้ำส้มสายชูกลิ่นมอลท์เอาไว้ทานกับฟิชแอนด์ชิปส์ตามแบบฉบับคนอังกฤษแท้ๆ (ชาวเมืองผู้ดีมักจะเหยาะลงไปเพิ่มรสเปรี้ยวหอมตัดความเลี่ยนของปลาได้อีกขั้นนึง)
ก่อนจะเริ่มทานเราต้องบอกแนวคิดของที่นี่ก่อนเลยว่าเป็น Street Food เน้นความสะดวกของร้านและทุกเมนูจะถูกใส่ในกล่องกระดาษให้เลือกทานได้ว่าจะทานที่ร้านหรือบ้าน แต่ถ้าหากทานไม่หมด (เพราะแต่ละเมนูให้ปริมาณมาเยอะมาก) ก็ปิดกล่องขอใส่ถุงกลับบ้านได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ เมนูแรกมาเสิร์ฟก่อนเป็นชุดโปรโมชั่นมื้อกลางวันคือ "Lunch Set" ราคา 165 บาท ประกอบไปด้วยปลาค๊อตชิ้นเล็กชุบแป้งผสมเบียร์สูตรพิเศษของทางร้าน นำไปทอดจนกรอบ 1 ชิ้น/มันผรั่งทอด/เลมอน/ซอสดิบ 1 อย่างในชุดเราเลือกเป็นศรีราชามาโยกับเครื่องดื่มเป็นมิลค์เช็ครสวนิลาแก้วเล็ก ปริมาณที่ให้ก็ถือว่าเยอะคุ้มทาน 1 คนอิ่มจุกครบเครื่องเมนูคาว-หวานในชุดเดียว เริ่มชิมปลาคอตเนื้อแน่นไขมันน้อยเพราะที่ร้านนี้เขาลอกหนังออกชุบแป้งทอดกรอบหนาละมุนกลิ่นเบียร์อ่อนๆสูตรพิเศษของที่ร้าน มันฝรั่งทอดชิ้นหนาจิ้มกับดิปซอสศรีราชาเปรี้ยว-เผ็ดหอมมันพอเริ่มเลี่ยนก็ดื่มมิลค์เชคเพิ่มความสดชื่นลงตัวดีมากๆ เมนูต่อมาเป็นปลาชนิดพิเศษที่หาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วๆไปในประเทศไทยและเป็นปลาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการทำเมนูฟิชแอนด์ชิปส์มากที่สุดในประเทศอังกฤษคือ "Beer Battered Haddock" เป็นแฮดด็อคแล่ติดหนังชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่พิเศษราคา 380 บาท รสชาติเหมือนจานแรกทุกอย่างต่างกันที่คุณภาพของปลาที่ชิ้นนี้จะมีความนุ่มฉ่ำหอมกลิ่นไขมันสดชื่นเข้ากับกลิ่นแป้งทอด ยิ่งทานโดนส่วนหนังไขมันฉ่ำๆความเข้มข้นเต็มปากสุดๆส่วนวิธีการทานฟิชแอนด์ชิปส์แบบชาวอังกฤษเป็นยังไงเราจะมาบอกทุกคนๆจากน้องคนที่เคยเรียนที่นั่นมาก่อนครับ
เมื่อได้ปลาทอดมาร้อนๆวิธีการทานที่เบสิคสุดคือบีบเลมอนลงไปเพิ่มความเปรี้ยว+หอมทำให้ทานได้อย่างอร่อยและเลี่ยนน้อยลง แต่วิธีแบบชาวอังกฤษแท้ๆคือราดน้ำส้มสายชูมอลท์ลงไปเพิ่มข้าวเปรี้ยวหอมกลิ่นข้าวสาลีเข้ากันดีกับแป้งทอดกรอบและลดความเลี่ยนของไขมันปลาได้ดีมากกว่าเดิม (อันนี้ดีจริงถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่) ถ้าทานแบบไทยๆก็ลงซอสมะเขือเทศได้เลย จะทานแบบของทอดสไตล์สากลของฝรั่งทั่วไปก็จิ้มทาร์ทาร์ซอสที่ร้านนี้ทำมารสชาติเข้มข้นถึงครีมใส่ผักดองมาเยอะรสจัดถูกใจหรือจะจิ้มน้ำซอสเกรวี่แบบไก่ทอดก็ทานได้เรียกได้ว่าค่อนข้างมีวิธีการทานที่หลากหลายมากกว่าการทานปลาชุบแป้งทอดทั่วๆไป เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นเมนูยอดนิยมในอังกฤษ
นอกจากฟิชแอนด์ชิปส์ที่เป็นเมนู Signature ของที่ร้านแล้วเราสั่งเมนูอื่นๆมาเพิ่มอีกเพราะกลัวว่ากินปลาทอดไปนานๆแล้วจะเลี่ยนเลยสั่งเป็น "ลาซานญ่าหมู" ราคา 290 บาท เป็นสูตรแบบโฮมเมดสไตล์ฝรั่งแป้งเป็นชั้นไส้หมูสับผัดมะเขือเทศรสชาติเค็ม-เปรี้ยวเนื้อแน่นท๊อบปิ้งด้วยชีสอบมันๆไม่หวานนำแบบหลายๆร้านที่ขายในไทย เมนูต่อไปคือ "พายไส้แกงไก่มาซาล่า" ราคา 180 บาท เป็นแกงอินเดียรสชาติเปรี้ยวเพราะใส่มะเขือเทศหอมกลิ่นมาซาล่าเนื้อไก่ที่ใส่เป็นส่วนอกสอดไส้อยู่ในพายทรงด้วยแป้งหนาแต่กรุบกรอบทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำเกรวี่ ส่วนวิธีการทานก็ราดน้ำเกรวี่รสชาติคล้ายๆกับน้ำราดมันบด KFC ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติกลมกล่อมทำให้ทานพายได้ลื่นคอมากยิ่งขึ้น (ถ้าไม่ราดเกรวีจะฝืดคอหน่อย) แต่ตัวขายดีคือพายเนื้อวากิวหัวหอมซึ่งวันนี้หมดน่าเสียดายหน่อย
ส่วนซอสอื่นๆเราก็สั่งมาทานอีกหลายรายการเริ่มจาก"หัวหอมชีส"เป็นครีมชีสผสมกับซาวครีมและหัวหอมสิ่งที่โดดเด่นในซอสตัวนี้คือความมันตัดกับความเปรี้ยวอ่อนๆผสมกับกลิ่นหัวหอมเข้มข้นจิ้มกับอะไรก็อร่อย ต่อมาก็เป็นซอส "เคอรรี่ซอส" แบบเดียวกับที่กินกับไส้กรอกย่างสไตล์เยอรมันแต่ร้านนี้รสชาติกลมกล่อมเครื่องเทศอ่อนๆทำให้ทานง่ายกว่า เมนูต่อมาเป็น "ศรีราชามาโย" ตอนแรกคิดว่าคงจะรสชาติเหมือนกับที่บรรจุขวดขายทั่วไปแต่ที่ร้านนี้รู้เลยว่าทำเองเพราะกลิ่นพริกขึ้นจมูกทำให้เผ็ดฉุนและหอมมันกว่าที่ขายตามท้องตลาดเป็นรสชาติที่คนไทยหลายๆคนน่าจะคุ้นเคย ซอสสุดท้ายที่เราสั่งมาคือ "วาซาบิมาโย" เผ็ดฉุนขึ้นจมูกในระดับที่สะใจไม่นุ่มนวลเนื้อมาโยเข้มข้นหอมมันลดความเลี่ยนจากของทอดในมื้อได้ดีสุดๆ เรียกได้ว่าอร่อยเข้มข้นโดนใจไม่มีครึ่งกลางๆในราคาถ้วยละ 25 บาท ตอนแรกคิดว่าแพงไปหน่อยสำหรับการจ่ายเงินเพื่อเพิ่มซอสแต่พอมาทานจริงๆก็เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องจ่ายเงินเพิ่ม
นอกจากซอสต่างๆทานคู่กับเมนูอาหารฝรั่ง-ของทอดต่างๆจะช่วยลดความเลี่ยนได้แล้วยังมีอีก 2 เมนู ที่ถือว่าเป็นเครื่องเคียงประจำร้านฟิชแอนด์ชิปส์ในประเทศอังกฤษแทบทุกร้านก็คือ "หอมใหญ่ดอง" ราคาถ้วยละ 40 บาท เป็นหัวหอมลูกเล็กดองกับน้ำส้มสายชูมอลท์ให้ความเปรี้ยว-กรอบมีกลิ่นฉุนผสมกับข้าวสาลีและหัวหอมรู้สึกแปลกช่วงต้นในการทานหน่อย แต่เมื่อเริ่มคำต่อไปรสชาติก็แบบเดียวกันกับหัวต้นหอมดองในร้านแกงกระหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่เคยทานมาก่อนหน้านี้แค่ดองด้วยน้ำส้มชายชูคนละแบบ ส่วนอีกเมนูเป็นเครื่องเคียงเหมือนมันบดแบบอังกฤษนั่นคือ "ถั่วลันเตาบด" ใช่แล้วมันคือถั่วลันเตาบดปอดเปลือนเนื้อเนียนละเอียดมีรสเค็มอ่อนๆผสมนมเนยแต่กลิ่นธรรมชาติของถั่วลันเตามันช่างเหม็นเขียวรุนแรงเหลือเกิน น้องที่ไปเรียนที่อังกฤษก็บอกว่าเคยลองทานแล้วไม่ชอบแต่อยากให้เราได้ลองเชื่อแล้วว่าไม่อร่อยจริงๆ แต่คนอังกฤษทานกับฟิชแอนด์ชิปส์แทนมันบดเกือบทุกคนราคาถ้วยละ 50 บาท
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเป็นมิลค์เช็คปั่นแก้วใหญ่ราคาแก้วละ 95 บาท เราสั่งมาชิมอีก 2 รสชาติคือช็อกโกแลต/สตรอเบอรี่ มันคือนมรสช็อกโกแลตที่เข้มข้นขมกว่าปกติเอามาปั่นจนเป็นเนื้อครีมกล้ายกับกำลังกินไอศครีมปั่นส่วนรสสตรอเบอรี่รสชาติก็เหมือนกับนมบรรจุกล่องที่ขายตามท้องตลาด แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือไม่มีเกล็ดน้ำแข็งมากวนใจเวลาดื่มแม้แต่น้อย เพิ่มความหอมมันด้วยวิปปิ้งครีมให้ความหวานอ่อนๆยิ่งเข้ากับมิลค์เช็คเนื้อเนียนๆขึ้นไปอีกขั้นเหมือนที่ร้านเอานมไปแช่แข็งก่อนมาปั่นให้เป็นเนื้อไอศครีม ได้ดื่มแล้วรู้สึกเหมือนถูกย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลยครับ จานสุดท้ายเมื่อเราทานทุกอย่างเสร็จแล้วก็เดินไปบอกที่ครัวให้ทำมาเสิร์ฟคือ "ช็อกโกแลตยี่ห้อ Mars ชุบแป้งทอดทานกับไอศครีมวนิลา" ราคา 75 บาท ใช่แล้วมันคือช๊อกโกแลตยี่ห้อ Mars ทั้งแท่ง เอาไปชุบแป้งทอดคล้ายๆกับแป้งขนมโป้งเหน่งจนด้านนอกกรอบ แป้งด้านในนุ่มฟูคล้ายๆแป้งเค้กส่วนช๊อกโกแลตที่แกนกลางละลายผสมกับเนยถั่วที่เป็นไส้ด้านในสุด ได้ทั้งความกรอบ/ร้อน/หวานและเหนียวติดฟันนิดๆทานกับไอศครีมวนิลาที่หวานน้อยเพิ่มความเย็นตัดกันได้อย่างลงตัว ต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้บ้างก็ว่ามาจากออสเตรเลียหรือสก๊อตแลนด์พอได้มาทานจริงๆแล้วมันก็หวานอร่อยลงตัว ต้องชมคนที่คิดว่าช่างหามาทำจริงๆครับผม สรุปมื้อนี้อิ่มมากอร่อยมากแถมได้ประสบการณ์อาหารที่แปลกใหม่กลับบ้านไป ส่วนใครกลัวว่าจะทานได้ไม่ถูกต้องก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะที่ร้านนี้ให้ทานได้หลายซอสจะทานแบบอังกฤษแท้หรือสไตล์ไทยๆก็อร่อยถูกใจทั้งหมดอย่างแน่นอน วันนี้ร้าน Buster’s Fish And Chips - Comfort Food & Drinks รับคะแนนความอร่อยคุ้มค่าไป 5 ดาวเต็มเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 591/9 ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 33/1 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.30 - 22.30 น. โทร. 083-598-3973
Facebook : https://www.facebook.com/bustersbkk
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments