วันนี้เราจะพาทุกคนมาทานร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลีซึ่งมีซอสเคลือบให้เลือกเยอะมากที่สุดในประเทศไทยนั่นก็คือ "Chicken Club" เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ชื่อดังส่งตรงมาจากเกาหลีใต้ ประเดิมสาขาแรกด้วยอาคารสีแดง 2 ชั้นสุดโดดเด่นเป็นตระหง่านตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์เมื่อปีที่ผ่านมาและปัจจุบันขยายกิจการไปมากกว่า 3 สาขาในระยะเวลาไม่ห่างกันมากนักแสดงถึงการได้รับความนิยมของทางร้านเป็นอย่างดี ส่วนตัวเคยสั่งแบบเดลิเวอรี่ไปนั่งทานกับเพื่อนๆที่ทำงานแล้วชอบกันมาก วันนี้เลยช่วยกันเคลียร์งานช่วงบ่ายให้เสร็จแล้วนัดเจอกันที่สาขาไอคอนสยามชั้น G วิธีการเดินทางถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือด้วยชื่อศูนย์การค้าจอดรถได้ฟรี 2 ชั่วโมงและเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการสามารถเก็บใบเสร็จมาประทับตราได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อรับสิทธิ์จอดฟรีเพิ่มตามที่ห้างกำหนด หากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นเพราะมีบีทีเอสสถานีเจริญนครด้านหน้าและบริการเรือรับ-ส่งฟรีตรงใต้สะพานตากสินมาลงลานกิจกรรมหลังห้าง เดินจากท่าเรือมาเข้าประตูร้านจะอยู่กลางโซน The Veranda จะเห็นป้ายไฟขนาดใหญ่ชื่อ "Chicken Club" โดดเด่นชัดเจนแบบนี้ไม่หลงแน่นอนครับ
เนื่องจากวันนี้เรามาทานข้าวด้วยกัน 6 คนเลยต้องแบ่งกลุ่มกันเดินทางเพราะรถยนต์เพียงคันเดียวนั่งไม่พอ ผมชิงขึ้น BTS มาถึงที่ห้างก่อนเลยเหลือเวลาให้ถ่ายรูปเล่มเมนูกับบรรยากาศภายในร้านระหว่างรอทุกคนเดินทางมาถึงจุดหมาย หน้าร้านเป็นแบบเปิดโล่งไม่มีกำแพงสูงขนาด 2 ชั้นโดดเด่นด้วยสีแดงและตุ๊กตามาสคอตไก่ตัวสีขาวกำลังหมุนลูกบอลกระจกดิสโก้สีทองด้วยปีกข้างขวาส่วนข้างซ้ายทำเป็นส่ง Mini Heart ด้วยท่าทางสุดน่ารักให้คนที่เดินผ่านไป-มาได้ถ่ายรูปเล่นกัน เล่มรายการอาหารถูกเอาวางไว้ให้เปิดอ่านด้านหน้าร้านเริ่มจากเมนูใหม่ล่าสุดก็คือ"มาม่าเกาหลีหม้อไฟ" ราคา 469 บาท กับ "จาจังมยอน" ราคา 285 บาท และ ข้าวหน้า Chicken Club อิ่มได้ในชามเดียวเลือกได้กว่า 14 รายการ ฟรีกิมจิกับไข่ดาวทุกหน้าราคาเดียว 189 บ. (เพิ่มไข่ดองซีอิ๊ว 35 บ. /น้ำจิ้มแจ่ว 40 บ.) ส่วนในเล่มเมนูหลักหน้าแรกเป็นของทอดสำหรับทานเล่นๆทั้งหนังไก่/เอ็นข้อไก่/ชีสบอลและหัวหอมทอดจิ้มซอสชีสราคาเริ่มต้นที่ 159-165 บาท โดยชีสบอลสามารถเลือกได้ 1 จากทั้งหมด 5 รสชาตินั่นก็คือต้นตำรับ/ข้าวโพด/เบคอนชีส/ซาวน์ครีมหัวหอมและพิซซ่า เพิ่งเคยเห็นเป็นร้านแรกที่ทำชีสบอลเป็นรสชาติต่างๆไม่เหมือนใครดีครับผม
หน้าต่อมาเป็นเมนูใหม่ก็คือ "Crispy Crunchy Series" ชุดมันฝรั่งกับไก่ทอดสไตล์อเมริกันราดด้วยซอสไวท์ออนเนียนแบบเดียวกับร้านอื่นๆที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันและซอสพิเศษอย่างสไปซี่ออนเนียนที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 175 บาทและชุดใหญ่สุดให้ไก่ทอดจุใจมากถึง 18 ชิ้นเพียง 398 บาท มาต่อกันด้วยเมนูอาหารทานเล่นทั้งมันฝรั่งทอด/สลัดเต้าหู้ทอด/การ์ลิคทรัฟเฟิลฟรายส์/เกี๊ยวซ่าเคลือบซอสและส้มตำเกาหลีสุดแปลกใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 145-160 บาท แพนเค้กกิมจิ/ต๊อกโบกีทอดและคิมมารีทอดกรอบๆเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดราคา 149-169 บาท ไก่ทอดต๊อก/หนังไก่ทอด/เอ็นข้อไก่ทอดเคลือบซอสเกาหลีราคา 149-169 บาท ทุกเมนูหากต้องการเพิ่มท็อปปิ้งชีสจ่ายเพิ่มอีก 40 บาท ไก่ทอดเกาหลีจานหลักมีทั้งแบบปีกกับไม่มีกระดูกราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 220-325 บาท เลือกได้ 2 จากทั้งหมด 8 ซอสคือ ซอยการ์ลิค/ครั้นซ์ชี่การ์ลิค/สไปซี่ฉงฉิ่ง/รามยอนไก่เผ็ดพ่นไฟ/สไปซี่/ฮันนี่บัตเตอร์/โนริสาหร่ายและสไปซี่โนริ ฟรีข้าวสวยหรือข้าวเหนียวและเครื่องเคียงอีก 3 อย่าง ถ้าอยากได้เพิ่มก็สั่งเป็น A La Carte ราคาเริ่มต้นที่ 35-60 บาท กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลีชุดละ 420 บาท ข้าวผัดกิมจิ-บูลโกกิห่อสาหร่าย 275 บาท นอกนั้นก็เป็นไก่ตุ๋นโสม/ซุปกิมจิ/รามยอนเกาหลีและรามยอนแห้งไก่กรอบ 220-480 บาท
เนงมยอนน้ำกับแห้ง ราคาชามละ 220-230 บาท ผัดปลาหมึกรสเผ็ดกระทะร้อนและไก่ทอดจิมดักกระทะร้อนราคาชุดละ 560-590 บาท บิบิมบับชามร้อน/จับแชหรือผัดวุ้นเส้นเกาหลีและกะเพราจับแช ราคา 210-280 บาท ผัดจัมปงแห้งกับจัมปงน้ำราคา 415-425 บาท ไก่กรอบผัดซอสเปรี้ยวหวานและสไปซี่ฉงฉิ่งรามยอนไก่ทอด ราคา 235-260 บาท ซอสต่างๆสั่งมาทานแยกได้มีให้เลือกทั้งหมด 8 สูตรนั่นก็คือ ไวท์ออนเนียน/สไปซี่ออนเนียน/ออริจินอลมาโย/สไปซี่มาโย/ซอสชีส/น้ำจิ้มแจ่ว/น้ำจิ้มซีฟู๊ดและซอสทรัฟเฟิล ราคาเริ่มต้นถ้วยละ 40-75 บาท เครื่องดื่มต่างๆก็มีให้สั่งเพียบทั้งน้ำเปล่า/น้ำอัดลม/ชาเขียวร้อนเย็นรีฟีล/โซดาเปล่า/โซดาใส่น้ำผลไม้/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์/ม๊อกเทลและค๊อกเทลหลากหลายสูตร โดยรวมแล้วไม่ใช่แค่ร้านไก่ทอดธรรมดาๆแต่เป็นรวบรวมอาหารจากเกือบทุกซีรี่ย์ยอดฮิตเอามาไว้ในที่เดียวกัน ใครที่เป็นสายโอปป้า-ซารางเฮโยตัวจริงรับรองว่าต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอนครับ
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยธีมคล้ายกับผับในประเทศเกาหลีใต้โดยใช้พื้นหลังหลักเป็นสีแดงสลับกับทอง เฟอร์นิเจอร์ภายในร้านเริ่มจากโต๊ะเป็นหินอ่อนมีเตาไฟฟ้าติดตั้งอยู่ตรงกลาง เก้าอี้เป็นไม้บุนวมด้วยหนัง-กำมะหยี่สีแดงสดใสกับสีดำสนิทดูหรูหราสมกับเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใจกลางห้างไอคอนสยามแห่งนี้ เดินขึ้นไปสำรวจที่ชั้น 2 ผ่านบันไดวนกลางร้านก็ตกแต่งคล้ายๆกันแต่ล้อมรอบด้วยระเบียงกระจกใสดูปลอดโปร่งและต้นไม้สีเขียวช่วยเพิ่มความสดชื่นห้อยลงมาจากด้านบนฝ้าทั้งโซน The Veranda นอกจากแสงธรรมชาติที่สอดส่องมาจากภายนอกแล้วภายในร้านทั้งหมดใช้หลอดไฟสีส้มให้ความอบอุ่นดูสวยงามชวนนั่งนานๆไม่รู้สึกอึดอัด โต๊ะที่นั่งต่างๆสามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่มาเป็นคู่/กลุ่มเพื่อนเล็กๆหรือจะเหมาทั้งโซนฉลองด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ทางร้านก็จัดการให้เราได้ตามต้องการ เนื่องจากเรามากันเยอะและอยากได้พื้นที่ในการถ่ายรูปอีกเล็กน้อยเลยขอจัดเป็นโซฟาแดงตัวใหญ่เลยครับ
จานแรกสั่งมาเป็น "สะโพกไก่ทอดไม่มีกระดูกไซส์ M เสิร์ฟ 8 ชิ้น" ราคา 325 บาท เป็นเนื้อไก่ส่วนสะโพกล้วนไร้กระดูกชุบแป้งทอดสูตรพิเศษของทางร้านก่อนจะเคลือบด้วยซอสอีก 2 ชนิดได้แก่ 1. ครั้นซ์ชี่การ์ลิครสหวานเค็มกลมกล่อม เพิ่มความกรุบกรอบด้วยเกล็ดกระเทียมเจียวทอดใหม่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนกระจายทั่วทั้งชิ้นกัดไปตรงไหนก็เจอแต่ความอร่อย 2. รามยอนไก่เผ็ดพ่นไฟรสหวานนำหอมกลิ่นซอสพริกโคชูจังแบบเดียวกับมาม่ารสไก่เผ็ดเกาหลีแบบซองสุดจัดจ้านถึงใจ สะโพกไก่ที่ทางร้านคัดมาเสิร์ฟชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำ-แป้งด้านนอกกรอบยาวนานคลุกมากับซอสอย่างทั่วถึงทำให้ได้รสชาติเข้มข้นแบบเดียวกันทั้งชิ้น เสิร์ฟมาคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นอีกถ้วย (หรือจะเปลี่ยนเป็นข้าวเหนียวก็ได้) และเครื่องเคียง 3 ชนิดก็คือ 1. หัวไชเท้าดองรสหวานอมเปรี้ยวเสิร์ฟมาเย็นๆเคี้ยวกรุบกรอบ 2. กิมจิมีรสชาติเปรี้ยวกำลังดีอมหวานและไม่เค็มจนเกินไปทานง่ายหอมกลิ่นพริกเกาหลีฉุนขึ้นจมูกนิดๆ 3. ส้มตำเกาหลีก็คือตำปูปลาร้าอีสานรสหวานอมเปรี้ยวใส่กิมจิและหัวไชเท้าดองลงไปเพิ่มความกรอบฉ่ำเคี้ยวสดชื่นถูกปากดีมากๆครับ
จานต่อมาสั่งเป็น "ปีกไก่ทอดไซส์ M เสิร์ฟ 10 ชิ้น" ราคา 320 บาท เป็นปีกไก่ส่วนบนกับกลางชิ้นใหญ่เอามาชุบแป้งทอดให้กรอบนอกเนื้อในฉ่ำแบบเดียวกับจานที่แล้ว เคลือบด้วยซอสอีก 2 ชนิดที่เห็นว่าแปลกดีเลยสั่งมาก็คือ 1. สไปซี่ฉงฉิ่งหรือพริกหม่าล่ารสชาติหวาน-เค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกและเครื่องเทศคั่วสไตล์จีนแท้ทั่วทั้งชิ้น แต่ไม่เผ็ดชาลิ้นจนทานแล้วไม่อร่อยแบบร้านหม่าล่าที่เคยทานถือเป็นไก่ทอดที่แปลกใหม่ดีครับ 2.สไปซี่โนริสาหร่ายหรือซอสสไปซี่รสหวานเผ็ดกำลังดีสูตรของทางร้านเอามาโรยด้วยสาหร่ายโนริสไตล์ญี่ปุ่น ให้อารมณ์คล้ายกับกำลังทานมันฝรั่งทอดบรรจุถุงชื่อดังที่ขายตามร้านสะดวกซื้อเวอร์ชั่นไก่ทอดแปลกใหม่แต่ยังคงความอร่อยเอาไว้ดีเหมือนเดิม และในชุดนี้ยังคงเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย-ข้าวเหนียวและเครื่องเคียงอีก 3 อย่างเช่นเคยถือว่าให้ปริมาณคุ้มค่ามากครับ
จานต่อไปเป็นเมนูใหม่ล่าสุดอยู่ใน Crispy Crunchy Series นั่นก็คือ "สะโพกไก่ทอดกรอบไม่มีกระดูกไซส์ M เสิร์ฟ 12 ชิ้น" ให้เยอะราวกับกองภูเขาแบบนี้ราคาแค่ 289 บาท คัดเฉพาะสะโพกไก่ชิ้นใหญ่พิเศษเลาะกระดูกออกหมักในเครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้านชุบแป้งทอดให้ดูกรอบฟูสีสันสวยงามสไตล์ไก่ทอดจากร้านแฟรนไชส์ชื่อดังของอเมริกัน ตัดความเลี่ยนด้วยซอสไวท์ออนเนี่ยนรสหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆสดชื่นหัวหอมใหญ่คล้ายกับกำลังทานไก่ทอดพร้อมโคว์สลอว์ในคำเดียวกันอร่อยลงตัวดีครับ จานต่อไปก็เป็นเมนูในซีรี่ย์เดียวกันแต่เอาไว้ทานเล่นๆก็คือ "หัวหอมชุบแป้งทอดกรอบ" ราคา 159 บาท เป็นหัวหอมใหญ่ทั้งลูกเอามาหั่นให้สวยงามราวกับกลีบดอกไม้ชุบด้วยแป้งผสมเครื่องสมุนไพรแบบเดียวกับไก่ทอดจานที่แล้วจนมีสีเหลืองกรอบ มาพร้อมซอสเชดด้าเข้มข้นราวกับเอาก้อนชีสมาละลายใส่ถ้วยให้ทานโดยไม่ผสมนมหรือครีมแบบหลายๆร้าน ดึงหรือใช้กรรไกรตัดหัวหอมใหญ่ออกมาเป็นชิ้นๆดิปลงในซอสเข้มข้นบอกเลยว่าเข้ากันสุดๆหากยังไม่สะใจมีขายอีกถ้วยละ 40 บาท สายชีสตัวจริงห้ามพลาดเลยครับ
เมนูต่อไปเป็นอาหารทานเล่นอยู่ในหมวด Crispy Crunchy Series นั่นคือ "เอ็นข้อไก่ทอดกรอบ" ราคา 159 บาท เป็นเอ็นข้อไก่ล้วน 100% ชุบด้วยแป้งผสมเครื่องเทศสไตล์อเมริกันแบบเดียวกับ 2 จานก่อนทานเพลินๆเหมาะสำหรับเป็นกับแกล้มชั้นดีมากครับ สั่งแต่ของทอดมาเพียบก็ต้องตามด้วยซุปสไตล์เกาหลีอีกหน่อยคือ "ซุปกิมจิเพิ่มไข่" ราคา 165 บาท เป็นกิมจิต้มใส่หมูสามชั้น/เต้าหู้ถั่วเหลืองแบบนิ่ม/เห็ดหอมสด/เห็ดเข็มทองและพริกชี้ฟ้าสีแดงกับเขียวเพื่อความสวยงาม เบสของน้ำซุปเป็นปลาแห้งกับสาหร่ายเพิ่มพริกป่นเกาหลีลงไปปรุงรสให้เผ็ดร้อนหวาน-เปรี้ยวตัดด้วยความเค็มตามธรรมชาติของกิมจิเนื้อสัมผัสกรุบกรอบนิดๆ เสิร์ฟมาในหม้อหินสีดำร้อนและไข่ไก่สดเทลงไปตอนเดือดๆช่วยเพิ่มความนัวราวกับผสานรสชาติให้ทุกอย่างเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว ซดแล้วอุ่นท้องสดชื่นและคงความเป็นเกาหลีอยู่ครบถ้วนไม่เหมือนกับหลายร้านที่ซดแล้วเหมือนกับแกงส้มไทยถือว่าอร่อยและสมควรสั่งครับผม
จานต่อมาเป็นอาหาร Street Food ข้างทางทั่วไปที่หาได้ง่ายๆในประเทศเกาหลี แต่ทางร้านเอามาเล่าเรื่องใหม่ก็คือ "ต๊อกโบกีทอด" 169 บาท เพิ่มมอสซาเรลล่าชีสอีก 30 บาท เป็นแป้งต๊อกทอดกรอบนอกนุ่มในเอามาผัดด้วยซอสต๊อกโบกีเข้มข้นจนรสชาติเผ็ดหวานซึมซาบเข้าไปเนื้อในและใส่ผักเพื่อเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบกับลูกชิ้นปลาหั่นชิ้นเล็กโรยด้วยมอสซาเรลล่าชีสปิดท้ายให้ละลายเคลือบทั่วทั้งจานก่อนเสิร์ฟจับคีบเข้าปากไปแบบเต็มคำรู้สึกฟินดีมากครับ จานต่อไปเป็นอาหารเกาหลีแต่ถูกนำมาปรุงใหม่ให้มีความเป็นไทยยิ่งขึ้นนั่นก็คือ "จับแช" หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลีราคา 210 บาท ตัวเส้นค่อนข้างใหญ่เคี้ยวเหนียวหนึบคลุกกับซอสรสหวานเค็มหอมน้ำมันงากลมกล่อมใส่เนื้อไก่นุ่มกับผักต่างๆลงไปทั้งแครอท/หัวหอมใหญ่และเห็ดหอมตามแบบฉบับเกาหลีแท้ๆ แต่ทางร้านได้เพิ่มกากหมูเจียวใหม่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน/พริกขี้หนูสดสีเขียว/กระเทียมเจียวสไลด์และพริกชี้ฟ้าสีแดงลงไปสไตล์ไทยๆเพื่อความกรุบกรอบเผ็ดแซ่บช่วยลดความเลี่ยนและทานง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ใครเคยรู้สึกเฉยๆกับจับแชมากินสูตรร้านนี้ถูกใจแน่นอนครับ
เมนูต่อไปเป็นอาหารจานเดียวแต่เราสั่งมาแชร์กันก็คือ "บิบิมบับชามร้อน" ราคา 280 บาท เป็นข้าวยำเกาหลีที่เสิร์ฟในหม้อหินร้อนท็อปปิ้งด้วยเครื่องต่างๆลงไปมากมายทั้ง ไข่ดาว/กิมจิ/สาหร่ายเกาหลี/กากหมูเจียวกับต้นหอมราดด้วยซอสโคชูจังรสเผ็ด-เค็มและน้ำมันงาที่ให้กลิ่นหอม มาถึงก็รีบคลุกทุกอย่างให้เข้ากันเพราะไม่งั้นก้นหม้อข้าวจะไหม้ก่อน ตักกินเปล่าๆได้รสเค็มกรุบกรอบกากหมูผสมกิมจิหอมสาหร่ายกับน้ำมันงาและข้าวกรอบนัวไข่ดาวทานง่าย หรือจะขอกรรไกรจากน้องพนักงานมาตัดเนื้อไก่ทอดใส่ลงไปผสมเป็นชิ้นเล็กให้เข้ากันก็อร่อยไปอีกแบบนึงครับ จานต่อไปถ้าไปร้านอาหารเกาหลียุคนี้แล้วไม่มีเสิร์ฟถือว่าตกเทรนด์ก็คือ "กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี" ราคา 420 บาท เป็นกุ้งสดแกะเปลือกเหลือหางกับหัวเอาไว้ตัวขนาดกลางดองในน้ำซีอิ๊วนำเข้าจากประเทศเกาหลีรสชาติเค็มนำอมหวานหอมกลิ่นน้ำมันงาใส่พริกขี้หนูสีแดงเพิ่มความสวยงามเผ็ดจี๊ดจ๊าดตักราดทานกับข้าวสวยได้อร่อย มาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรตำเองใส่ปลาร้านสุดนัวของทางร้านรสหวานอมเปรี้ยวเข้ากับกุ้งดองเกาหลีได้เป็นอย่างดีถูกใจทุกๆคนครับ
นอกจากไก่ทอดและเมนูอาหารเกาหลีแบบ Street Food แล้วยังมีหม้อไฟผัดร้อนๆแบบเดียวกับที่เสิร์ฟในร้านย่านโคเรียนทาวน์ให้สั่งทานนั่นก็คือ "ผัดปลาหมึกรสเผ็ดกระทะร้อน" เอามาวางบนเตากลางโต๊ะหินอ่อนขนาดใหญ่แบบนี้ราคา 560 บาท เป็นปลาหมึกสายหรือ Jukkumi เอามาผัดกับซอสสีแดงรสหวานเผ็ดจัดจ้านถึงใจ พนักงานจะเดินมาเปิดเตาแล้วผัดให้เข้ากับกระหล่ำปลี/ต้นหอม/แครอทและหมูสามชั้นลอกหนังแข็งออกแล้วชิ้นใหญ่ๆให้สุกเข้ากันอีกครั้งบนโต๊ะก่อนจะโรยด้วยไข่ปลาบินปรุงรสก่อนทาน เมนูนี้สามารถกินได้ 2 แบบก็คือ 1. ราดบนข้าวสวยแล้วตักทานเข้าปากได้ทันทีหรือจะเอาไปคลุกทำเป็นข้าวผัดก็ได้ 2. ห่อด้วยผักสดและใบงาแล้วเอาเข้าปากทานทันทีก็อร่อยสดชื่นหอมกลิ่นใบงาเข้ากับซอสผัดรสหวานเผ็ดเนื้อปลาหมึกเหนียวนุ่มสู้ฟันกับไข่ปลาบินปรุงรสแตกในปากเพิ่มความกลมกล่อมได้เป็นอย่างดี เมนูนี้ถือเป็นจานโปรดของผมโดยเมื่อก่อนต้องไปทานที่ Korean Town เท่านั้นแต่สูตรของที่ร้านนี้บอกเลยว่าเหมือนกันไม่มีผิดแถมไม่ต้องฝ่ารถติดอีกด้วย ถูกใจและแนะนำให้สั่งเช่นเดียวกันครับ
มากันถึง 6 คนหม้อไฟเดียวยังไม่อิ่มจุใจเลยสั่งมาเพิ่มเป็นเมนูใหม่ล่าสุดก็คือ "มาม่าเกาหลีหม้อไฟ" ราคา 469 บาท มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Korean Army Stew หรือที่เรียกอีกอย่างว่าบูเดจิเก โดยปกติต้องใส่เป็นไส้กรอก/แฮมและสแปมต่างๆลงไปในหม้อ แต่ร้านสูตรของนี้เปลี่ยนเป็น ไก่ทอด/ไข่ต้ม/คิมมารี/แป้งต๊อก/ลูกชิ้นปลาโอเด้ง/เต้าหู้ถั่วเหลือง/แครอท/เห็ดเข็มทอง/หัวหอมใหญ่/ต้มหอมญี่ปุ่นและเส้นรามยอนเทน้ำซุปปลาแห้งผสมกับสาหร่ายสไตล์เกาหลีผสมโคชูจังลงไป วิธีการทานก็คือเปิดเตาให้เดือดแล้วคลุกส่วนผสมต่างๆในหม้อให้เข้ากันก็พร้อมทานได้ทันที ยิ่งใช้เวลาต้มนานขึ้นเท่าไหร่ก็ได้ความเข้มข้นซึมซับเข้าไปในตัววัตถุดิบมากขึ้นแต่ระวังจะไหม้ติดก้นหม้อด้วย ภายในชุดเสิร์ฟพร้อมกิมจิและหัวไชเท้าดองทานเคียงกัน ส่วนใครที่ใส่ชุดตัวโปรดมาเดินห้างแล้วกลัวอาหารเกาหลีน้ำซอสสีแดงสดจะเปราะเปื้อนก็ไม่ต้องกังวลเพราะบนโต๊ะมีแผ่นพลาสติกกันเลอะให้สวมใส่โดยผูกคอใช้แล้วทิ้งได้เลยครับ
นอกจากน้ำเปล่าแล้วเพื่อนที่มาด้วยกันก็อยากดื่มอะไรหวานสดชื่นหน่อยเลยสั่งมา 2 เมนูก็คือ "Green Apple & Passion Fruit Soda" ราคา 135 บาท เป็นไซรัปรสแอปเปิ้ลเขียวผสมเสารสรสหวานอมเปรี้ยวหอมละมุนเพิ่มสตรอเบอรี่กับบลูเบอรี่แช่แข็งตามด้วยโซดาเพิ่มความซ่าประดับด้วยใบมินต์ถ่ายรูปดูสวยงาม และ " Strawberry & Lime Soda" ก็ราคา 135 บาทเช่นเดียวกัน เป็นไชรัปรสสตรอเบอรี่รสหวานหอมอมเปรี้ยวผสมน้ำมะนาวสดกับโซดา ใส่สตรอเบอรี่กับบลูเบอรี่แช่แข็งแบบเดียวกับแก้วที่แล้วประดับตกแต่งด้วยมะนาวฝานบางๆช่วยให้ถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม-ดูดี ตอนนี้ทานกันอิ่มและนั่งคุยเล่นกันจนพอใจแล้วเรียกน้องพนักงานมาเก็บเงินที่โต๊ะเราเลยครับผม
มื้อนี้มาทานกัน 6 คน รวมทั้งหมด 4,758 บาท (บวก Vat.7% - Service Charge 10% เรียบร้อยแล้ว) ก็ถือว่าสมราคาเพราะปริมาณที่ให้ในแต่ละจานเยอะมาก ไก่ทอดชิ้นใหญ่กรอบยาวนานดีเคลือบซอสรสชาติเข้มข้นสะใจ ส่วนอาหารเกาหลีจานอื่นก็ยังคงเป็นต้นตำรับแท้ ผสมความจัดจ้านสไตล์ไทยลงไปอีกหน่อยช่วยทำให้ทานง่ายไม่เบื่อเร็ว อีกทั้งอาหารเสิร์ฟไวมากไม่ต้องนั่งรอคอยนานๆแบบร้านไก่ทอดเกาหลีแบรนด์อื่นๆ ดีครบทุกด้านแบบนี้ก็ได้รับคะแนนอร่อยกับความคุ้มค่าไป 5 ดาวเลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : ไอคอนสยาม ชั้นG (The Veranda) เลขที่ 299 ถ.เจริญนคร แขวงคลองต้นไทร คลองสาน กทม. 10600
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 02-288-0507
Facebook : www.facebook.com/chickenclubthailand
นอกจากนี้ร้าน "Chicken Club" ยังมีสาขาสยามสแควร์ซอย 7 และ Mega Bangna ใกล้ที่ไหนไปลองกันได้เลย
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
댓글