ตื่นแต่เช้าได้รับสายโทรศัพท์คุณพี่สาวบอกให้รีบแต่งตัวมาหาด่วนเดี๋ยวเลี้ยงโอมากาเสะเพราะว่าจองแล้วเพื่อนติดธุระไม่อยากเสียเงินค่ามัดจำเปล่ารอบเวลาเที่ยงวันนี้ชื่อร้านคือ "Hikari Omakase" ระหว่างนั้นลองเปิดมือถือค้นหารีวิวก่อนหน้าได้รับคะแนนจากเหล่าลูกค้ากว่า 100 ท่านเยอะถึง 4.7 เต็ม 5 ดาวบ่งบอกถึงความอร่อยเด็ดไม่ธรรมดา โดยเน้นเรื่องวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพดีปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามฤดูกาลนำเข้าตรงจากบริษัทประมงแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยจัดเตรียมการก่อนเสิร์ฟสไตล์เอโดะมาเอะซูชิฉบับโบราณดั้งเดิมได้สัมผัสประสบการณ์แก่นแท้แห่งรสชาติอูมามิอันแสนยิ่งใหญ่แต่ภาพลักษณ์ภายนอกแลดูเรียบง่ายธรรมดา วิธีการเดินทางถ้าเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวกดปักหมุดขับตามระบบแผนที่บนสมาร์ตโฟนของคุณอย่าลืมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนเลี้ยวเข้าสู่โครงการแอทยูไนเต็ดเพื่อรับสิทธิ์จอดฟรีทันที สำหรับผู้โดยสารบริการขนส่งสาธารณะแนะนำให้ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองลง ณ สถานีลาดพร้าว 71 บันไดทางออกลำดับ 4 ค่อยโบกเรียกแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างบริเวณใกล้เคียงตรงไปยังจุดหมายอีกประมาณ 550 เมตรก็จะมองเห็นศูนย์จำหน่ายโตโยต้าชัวร์,ไก่ทอดเคเอฟซีและอาคารหินสีเทาอยู่ก่อนถึงกาแฟสตาร์บัคส์ประตูแขวนผ้าโนเรนสีขาวแบบภัตตาคารญี่ปุ่นอย่างนี้แสดงว่าเรามาถึงแล้วครับผม
เดินผ่านผ้าม่านโนเรนเลี้ยวขวากดปุ่มเปิดประตูกระจกใสบานเลื่อนเข้ามาภายในร้าน "Hikari Omakase" สิ่งที่สัมผัสได้อันดับแรกนั่นก็คือเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำสะใจโดยทำเป็นห้องรับรองลูกค้าขนาดย่อมสำหรับนั่งเล่นพูดคุยพบปะกันก่อนเข้าสู่เคาน์เตอร์ครัวโอมากาเสะกว้างขวางสามารถรองรับจำนวนสมาชิกได้สูงสุดเพียง 10 ท่านต่อหนึ่งรอบ ซึ่งคอร์สต่างๆคุณเชฟเขาจัดแบ่งตามความพรีเมียมของวัตถุดิบ 3 ระดับได้แก่ "Kibuo" จำนวน 10 เมนู ราคา 950 บาท++ / "Hikari" เสิร์ฟ 15 รายการ ราคา 1,750 บาท++ และจัดเต็มสุดต้องเลือก "Hikari Plus" ฟินรวม 19 จาน ราคา 2,450 บาท++ (ยังไม่รวม Vat. 7% / Service Charge อีก 10%) ส่วนวิธีสำรองโต๊ะทำได้รวม 3 ช่องทางเช่น Facebook / Instagram / Line Official Account ยกเว้นโทรศัพท์มีไว้แค่สอบถามข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นให้บริการวันละ 3 รอบ 12.00 น. / 17.30 น. / 19.00 น. เนื่องจากต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมวัตถุดิบอีกหลายชนิดจึงต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเกิดปัญหารถติดเริ่มมื้อสายได้ช้าสุดไม่เกิน 30 นาทีพร้อมเก็บเงินค่ามัดจำทันที 500 / 800 / 1,200 บาทตามลำดับถ้ารู้ตัวว่าติดธุระแจ้งเลื่อนรอบได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ตกแต่งเน้นบรรยากาศแนวญี่ปุ่นโมเดิร์นดูเรียบง่ายแทรกชั้นวางหนังสือการ์ตูน-หุ่นโมเดลเหมือนกำลังนั่งกินข้าวบ้านเพื่อนครับ
สำหรับวันนี้พี่สาวผมสำรองโต๊ะล่วงหน้ามาเป็นคอร์ส "Hikari Plus" เสิร์ฟอาหารต่างๆรวมกว่า 19 เมนูราคาท่านละ 2,450 บาท++ (2,884 Net.) เมื่อนั่งบริเวณเคาน์เตอร์ครัวแล้วคุณหัวหน้าเชฟก็ยกเอาถาดใส่วัตถุดิบที่จะปรุงให้พวกเรารับประทานในมื้อนี้วางเรียงแบบสวยงามให้ชมกันก่อนพร้อมอธิบายพอแค่สังเขปประกอบไปด้วยชิมะอะจิ/คินเมได/เมะฮิคาริ/อิวาชิ/สึจิโกะ/อากามิ/ชูโทโร่/โอโทโร่/อูนิ/ปูซูไวและรายการอย่างอื่นอีกเพียบแต่อาจมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อยตามฤดูกาล เพราะฉะนั้นเวลาจองควรพิมพ์แจ้งพนักงานว่าแพ้อาหารชนิดไหนหรือไม่/อยากกินข้าวซูชิปั้นก้อนขนาดไหน/ปริมาณวาซาบิรุนแรงมั้ยสามารถบอกก่อนเพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยอูมามิระดับสูงสุด ที่กล่าวตอนเบื้องต้นยังไม่รวมเครื่องดื่มใครเป็นสายแอลกอฮอล์ทางร้านเขาจำหน่ายครบถ้วนเช่นเบียร์/วิสกี้/เหล้าบ๊วยยูซุ/สาเกร้อนเย็นยี่ห้อจากญี่ปุ่นราคาแก้วละ 170-700 บาท ยกทั้งขวดขนาด 300-720 มิลลิลิตรราคา 650-7,000 บาทเลือกเอาเลยตามงบของคุณ ซึ่งน้ำเปล่าธรรมดาขวดละ 50 บาทถ้ารู้ตัวว่าหิวกระหายบ่อยแนะนำชาเขียวมัทฉะรีฟิลร้อน-เย็นเติมไม่อั้นคิดเงินเท่ากัน พิเศษถ่ายรูป,เช็กอิน,แชร์ลงโซเชียลตามสะดวกรับฟรีขาตั้งมือถือยิ่งเขียนบทความรีวิวสั้นลง Google Maps แถมน้ำอัดลมกระป๋อง+น้ำแข็งอีกท่านละหนึ่งกระป๋องครับผม
เปิดต่อมรับรสชาติของคุณให้พร้อมด้วยหมวด Appetizers ช่วยเรียกน้ำย่อยจานแรก "Iso Tsubugai" สึบุไกหรือหอยสังข์ญี่ปุ่นไซส์ลูกขนาดเล็กเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบแสนล้ำค่าส่งตรงจากตลาดปลาซึกิจิโดยบริษัทประมงแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยราคาค่อนข้างสูงหารับประทานยากเนื้อสัมผัสเด้งกรุบกรอบยืดหยุ่นเคี้ยวสู้ฟันปริมาณโปรตีนสูงไขมันต่ำอุดมด้วยโอเมก้า 3 หรูหราเทียบชั้นเป๋าฮื้อ ต้มโชยุตำรับเฉพาะเพิ่มคัตสึโอะบูชิ,เหล้ามิรินสาเก,สาหร่ายคอมบุเค็มหวานกลมกล่อมตุ๋นไฟอ่อนเวลายาวนานจนเข้มข้นแทรกซึมทุกอณูพักในตู้เย็นอารมณ์คล้ายๆเมนูดองซีอิ๊วก่อนคีบใส่จานจิ๋วเสิร์ฟราดซอสปักไม้ปลายแหลมดึงออกจากเปลือกนำเข้าปากคำโตแล้วซดน้ำซุปตามอร่อยสดชื่นถึงใจ / "Salmon Warayaki" แซลมอนสายพันธุ์แอตแลนติกชื่อดังแห่งประเทศนอร์เวย์ฉบับสเต๊กติดหนังชิ้นหนาพิเศษคัดบริเวณ Top Loin (สันหลัง) ทำการสึเคะสูตรโบราณดั้งเดิมเทน้ำเดือดราดพอผิวด้านนอกเต่งตึงหมักซอสเอาไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนเสียบแท่งเหล็กพลิกสลับไป-มาปิ้งบนกองฟางจุดไฟโหมกระหน่ำรุนแรงกรอบเกรียมติดเขม่าควันไหม้เล็กน้อยส่งกลิ่นหอมสุดเย้ายวนฟุ้งกระจายเต็มร้านแต่แกนกลางยังดิบนิดหน่อยระดับประมาณ Medium Rare ลงมีดสไลซ์บางสไตล์ซาชิมิทาโชยุท็อปปิ้งรากวาซาบิแท้ขูดใหม่ฉุนพุ่งขึ้นจมูกนุ่มนวลละมุนกำลังดีเลยครับผม
รายการพิเศษถูกเพิ่มขึ้นมาเพราะหาจับเพื่อรับประทานได้ยากนั่นก็คือ "Karasu Karei Tempura" คาราสุคะเรเป็นปลาตาเดียวชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในทะเลลึกหนาวเย็นจัดบริเวณทางตอนเหนือของดินแดนอาทิตย์อุทัยยาวจนถึงน่านน้ำประเทศรัสเซียลักษณะภายนอกแลดูน่ากลัวแต่เมื่อแล่แล้วก็ได้เนื้อสีขาวละเอียดประดุจหิมะนิยมนำส่วนครีบมาทำซูชิเอนกาวะลนไฟเสิร์ฟตามภัตตาคารญี่ปุ่นที่พวกเราน่าจะคุ้นเคยกันดี โดยหัวหน้าเชฟคัดเฉพาะบริเวณ Top Loin (สันหลัง) หมักมิโซะสูตรเข้มข้นใช้ระยะเวลายาวนานถึงสองวันช่วยให้เอมไซน์ธรรมชาติทำปฏิกิริยาก่อเกิดเป็นความอูมามิแสนล้ำลึกค่อยชุบแป้งทอดกรอบสไตล์เทมปุระสีเหลืองทองหั่นชิ้นขนาดจัมโบ้ชวนเคี้ยวแน่นเต็มๆคำวางแผ่นกระดาษรองซึมซับน้ำมันส่วนเกินโรยเกลือสมุทร,บีบเลมอนเล็กน้อยเค็มเปรี้ยวตัดเลี่ยนลงตัว / "Kinmedai" อาบุระคินเมไดหรือกะพงแดงตาโตชนิดพิเศษจับได้ ณ เมืองโชชิจังหวัดชิบะซึ่งแผนที่ด้านภูมิศาสตร์นั่นก็คือแผ่นดินยื่นเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกจึงก่อเกิดคลื่นยักษ์ไหลพัดรุนแรงบ้าคลั่งทำให้สัมผัสเด้งแน่นหนึบสู้ฟันจนเรียกได้ว่าเกรดคุณภาพดีสุดราคาแพง ผ่านกระบวนการ Aging ขับไล่ความชื้นและคาวเลือดหมดจดลนไฟเพียงผิวหนังติดไหม้เล็กน้อยวางบนข้าวสวยปั้นก้อนกลมฉบับนิกิริผสมน้ำส้มสายชูสีแดงคีบเข้าปากกลิ่นหอมฟุ้งกระจายอย่างทั่วถึงครับผม
หมวดถัดไปเราจะเริ่มเข้าสู่รายการซูชิสไตล์เอโดะมาเอะโบราณโดยคุณเชฟของทางร้าน "Hikari Omakase" เลือกใช้เฉพาะข้าวสายพันธุ์โคชิอิบูกิแห่งจังหวัดนีงาตะเมล็ดอ้วนสั้นสัมผัสนุ่มเหนียวปานกลางอร่อยคล้ายโคชิฮิคาริแต่รสชาติเบากว่าเคล้าน้ำส้มสายชูสีแดงฉบับลับพิเศษลักษณะภายนอกสีน้ำตาลเปรี้ยวหวานละมุนกลมกล่อมเปล่งประกายสวยงามปั้นรูปร่างทรงกลมขนาดแน่นกำลังดีอย่างผู้เชี่ยวชาญใครอยากได้คำใหญ่เล็ก-วาซาบิบดแต้มเยอะน้อยสามารถแจ้งเลยตามสะดวก "Shima Aji" ชิมะอะจิหรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่าปลาทูยักษ์ญี่ปุ่นเนื้อสีขาวอมชมพูแทรกไขมันละเอียดหนังสีเงินตระกูลเดียวกับเหล่าหางแข็งแมคเคอเรล ถูกจับบริเวณเกาะชิโทกุ,จังหวัดเอะฮิเมะเป็นจุดบรรจบระหว่างทะเลฝั่งเหนือและใต้คลื่นนิ่งสงบแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ดีจึงไซส์ใหญ่ชวนเคี้ยวสนุกเด้งสู้ฟัน / "Mehikari" เมะฮิคาริจุดเด่นที่สำคัญนั่นคือดวงตาเรืองแสงสีเขียวก้างอ่อนนุ่มมองผ่านๆแลดูคล้ายซาร์ดีนอาศัยในน้ำลึก 700-800 เมตรจึงหารับประทานยากซึ่งฤดูกาลนี้ก็เข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยขนาดประมาณ 15-20 เซนติเมตรส่งตรงจากอิวากิใกล้มหาสมุทรแปซิฟิกไขมันเยอะแบบเอนกาวะต้องแนบถ่านขาวบินโจตันอุณหภูมิสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียสเพื่อให้ผิวด้านนอกกรุบกรอบติดไหม้เล็กน้อยส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายหยิบเข้าปากละลายทันทีประทับใจครับ
ลำดับการเสิร์ฟซูชิแต่ละคำภายในคอร์สโอมากาเสะของทางร้าน "Hikari Omakase" เท่าที่เราลองสังเกตคุณหัวหน้าเชฟพยายามไล่ระดับรสชาติความเข้มข้นขึ้นไปทีละน้อยเพื่อให้ลูกค้าทุกๆท่านได้รับประสบการณ์อูมามิจนถึงระดับสูงสุดมาต่อกันเลยด้วย "Iwashi" อิวาชิหรือปลาซาร์ดีนลายจุดข้างดำเนื้อแดงเข้มหนังสีน้ำเงินสวยงามเปล่งประกายไขมันแทรกกลิ่นเอกลักษณ์อุดมด้วยโอเมก้า 3 คัดเฉพาะไซส์ขนาดเต็มวัยประมาณ 15-20 เซนติเมตรก้างค่อนข้างเยอะจึงต้องใช้ฝีมือบรรจงเลาะออกอย่างเชี่ยวชาญพร้อมบั้งตามแนวขวางเพื่อสลายกระดูกอ่อนท็อปปิ้งต้นหอมญี่ปุ่นบดละเอียดทาซีอิ๊วโชยุนิดหน่อยก่อนยกเสิร์ฟช่วยตัดเลี่ยนเคี้ยวไหลลื่นลงคอ / "Nama Sujiko" ซูจิโกะพวงไข่แซลมอนธรรมชาติคุณภาพสดใหม่ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบชั้นดีระดับซูเปอร์พรีเมียมส่งตรงจากเกาะฮอกไกโดช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นจึงค่อนข้างหารับประทานยากแตกต่างจากอิคุระธรรมดาตามภัตตาคารเจ้าอื่นเพราะว่ายังติดเชื่อมโยงเข้ากับเยื่อพังผืดเคี้ยวสนุกหนึบเด้งสู้ฟันระเบิดกระจายเต็มปากเวลาเคี้ยว โดยนำเสนอฉบับเรียบง่ายเพียงแช่ซอสโชยุระยะสั้นๆรอแทรกซึมทุกอณูเค็มนวลละมุนกลมกล่อมวางด้านบนข้าวสายพันธุ์โคชิอิบูกิปั้นก้อนทรงกลมเปรี้ยวอมหวานปิดท้ายแค่ขูดเปลือกส้มยูซุผลผลิตชื่อดังแห่งจังหวัดโคจิสะบัดใส่ 2-3 ครั้งหอมสดชื่นลงตัวครับผม
เมื่อนึกถึงวัตถุดิบพื้นฐานซึ่งจัดเสิร์ฟตามภัตตาคารซูชิระดับซูเปอร์พรีเมียมก็ต้องปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินหรือมากุโร่ราคาจำหน่ายต่อกิโลกรัมสุดแพงจนต้องบันทึกสถิติโลกแต่ปัจจุบันมักเลี้ยงอยู่ในอวนขนาดยักษ์โดยให้อาหารแล้วว่ายน้ำวนเวียนไปเรื่อยๆแบบระบบอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด แต่หัวหน้าเชฟของทางร้าน "Hikari Omakase" เลือกใช้เฉพาะเกรดจับจากแหล่งธรรมชาติแห่งเมืองมิยะงิบริเวณอ่าวเซนไดมีจุดเด่นพิเศษอยู่ตรงสามารถเห็นมัดกล้ามเนื้อเส้นเอ็นชัดเจนปรุงสไตล์นิกิริเอโดะมาเอะ 3 เมนูได้แก่ "Akami" ผ่านกระบวนการบ่มเพื่อกำจัดคาวเลือดและปล่อยให้เอนไซม์ช่วยย่อยหมักซอสสึเกะระยะสั้นรสชาติเค็มละมุนกลมกล่อมตัดกับข้าวสายพันธุ์โคชิอิบูกิคลุกน้ำส้มสายชูแดงเปรี้ยวอมหวานลงตัว / "Chutoro" บริเวณกลางลำตัวม้วนห่อกระดาษทิชชู่ชนิดแผ่นหนาปล่อยวางใส่ตู้เย็นระบบอากาศหมุนเวียนเพื่อ Ageing ยาวนานถึง 14 วันเหมือนรายการก่อนหน้านี้ ลงมีดบั้งลายตารางรมควันเปลือกไม้ซากุระกลิ่นหอมละมุนเป็นเอกลักษณ์คล้ายเบคอนสามารถละลายหายทันทีเมื่อนำเข้าปากเปิดประสบการณ์แสนแปลกใหม่ขั้นสุดยอดชวนประทับใจ / "Otoro" ส่วนท้องมีไขมันเยอะราวกับเนื้อวากิววิธีการนำเสนอเรียบง่ายเพียงอุ่นข้าวอุณหภูมิร้อนกรุ่นและป้ายหัววาซาบิเยอะกว่าปกติต้องรีบรับประทานทันทีครับผม
ได้เวลานำเสนอวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่หลายท่านกำลังรอคอยซึ่งคุณหัวหน้าเชฟแสดงบรรจุภัณฑ์ให้พวกเราชมตอนแรกก่อนเริ่มคอร์ส Hikari Plus ราคาคนละ 2,450 บาท++ นั่นก็คือ "Uni" อูนิหรือไข่หอยเม่นเลือกใช้เฉพาะสายพันธุ์บาฟุนหนามสั้นแบรนด์มารุเคียวซุยจังถูกจับบริเวณเกาะริชิริบริเวณตอนเหนือของฮอกไกโดคลื่นสูงอากาศหนาวจัดใกล้ชายแดนระหว่างประเทศญี่ปุ่นและรัสเซียลำตัวอวบอ้วนไซส์ใหญ่สีเหลืองโทนส้มเปล่งประกายสวยงามเหมือนทองคำต้องจ้างผู้หญิงอาชีพอามะซังลงไปงมจึงมูลค่าแพงถึงกล่องละ 20,000 เยนต่อ 250-300 กรัม ปั้นข้าวโคชิอิบูกิคลุกเคล้าน้ำส้มสายชูแดงม้วนห่อแผ่นสาหร่ายโนริรูปทรงถ้วยสไตล์กุนกันหย่อนพระเอกของเราลงตรงกลางวางแบบล้นหน้ากัดแล้วละลายหวานฉ่ำเหมือนครีมคัสตาร์ดกลิ่นทะเลสดชื่นเต็มคำ / "Zuwai Gani" ซูไวเพศผู้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่าปูหิมะหน้าตาคล้ายทาระบะแต่ไร้หนามแหลมร่างเพรียวบางกว่าแกะเอาเนื้อล้วนบริเวณหน้าอกลักษณะเป็นเส้นเรียวเล็กสัมผัสเหนียวหนึบสู้ฟันคลุกเคล้ามันหัวปูตามธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อนห่อซูชิเอาไว้แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ถ้าเริ่มรู้สึกเลี่ยนต้องการล้างกลิ่นคาวไขมันปลาในปากให้สะอาดหมดจดก่อนเริ่มนิกิริรายการถัดไปจะต้องรับประทาน "Gari" (ขิงดองน้ำผึ้ง) สไลซ์บางเผ็ดหวานฉุนขึ้นจมูกเย็นสดชื่นขอเติมได้ไม่อั้นตลอดเวลาครับผม
เมนูถัดไปคุณเชฟพยายามสร้างสรรค์ให้พวกเราสามารถลิ้มลองความอร่อยได้ถึงสองรูปแบบในจานเดียวกันนั่นก็คือ "Kuruma Ebi" คุรุมะเอบิหรือกุ้งลายเสือญี่ปุ่นจากธรรมชาติแท้ตัวขนาดใหญ่คุณภาพคัดพิเศษถูกจับบริเวณน้ำทะเลลึกประมาณ 50 เมตรบนเกาะฮอกไกโดบรรจุใส่ลังโรยแกลบไม้ช่วยรักษาความสดใหม่ก่อนแช่ตู้เย็นแล้วจัดส่งตรงมายังร้าน "Hikari Omakase" ย่านลาดพร้าวแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงเนื้อสัมผัสแน่นเด้งสู้ฟันหวานฉ่ำใครๆก็ชื่นชอบยกเว้นผู้แพ้อาหาร แกะเปลือกต้มควบคุมอุณหภูมิวัดเทอร์โมมิเตอร์อย่างแม่นยำน็อกน้ำเย็นผ่ากลางท้องยัดข้าวสายพันธุ์โคชิอิบูกิคลุกเคล้าน้ำส้มสายชูแดงหั่นแบ่งครึ่งก่อนยกเสิร์ฟลูกค้าโดยแนะนำว่าเริ่มชิมจากส่วนหางเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติอูมามิกลมกล่อมปรุงแต่งน้อยหัวไม่ทิ้งแต่ตุ๋นเป็นซอสมันกุ้งโชยุสูตรเข้มข้นโดนใจจนอยากได้น้ำจิ้มซีฟู้ดไทยเพิ่ม / "Negi Toro" เนงิโทโร่ใช้ปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินทั้งอากามิ,ชูโอโร่และโอโทโร่สับหยาบรวมกันพร้อมต้นหอมซอย,หัวไชเท้าดองสีเหลืองอีกชื่อเรียกว่าเบตตาราซึเกะสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กจิ๋วผสมซีอิ๊วนิดหน่อยวางข้างบนข้าวซูชิตามแนวยาวตักไส้ปริมาณเยอะเกินคุ้มห่อแผ่นสาหร่ายโนริสะบัดเปลวไฟไล่อากาศเหนียวชื้นม้วนโรลแสนบรรจงขนาดกำลังพอดีคำสไตล์มากิแลดูเรียบง่ายธรรมดารัดแน่นเตรียมระเบิดกระจายเต็มทันทีเมื่อนำเข้าปากคุณครับผม
เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอร์สนิกิริต้องเน้นเมนูรสชาติเข้มข้นโดยคุณหัวหน้าเชฟจัดเสิร์ฟวัตถุดิบแลดูน่าสนใจที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันนักอย่าง "Kampyo Maki" คัมเปียวคือพืชผลลักษณะคล้ายน้ำเต้าหรือฟักเขียวทรงกลมชนิดหนึ่งสไลซ์แผ่นยาวเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวตากแดดยาวนานจนแห้งสนิทดีก่อนจะปรุงล้างทำความสะอาดดองซีอิ๊ว,น้ำตาลทราย,เหล้ามิรินและสาเกตามสูตรพื้นฐานทั่วไปเป็นกรรมวิธีถนอมอาหารสืบทอดกันยาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงปัจจุบันมีจำหน่ายสำเร็จรูปตามซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นซึ่งง่ายเกินเพราะทางร้าน "Hikari Omakase" เขาลงมือทำเองทุกขั้นตอน นำเสนอฉบับซูชิรวม 2 รูปแบบทั้งมากิห่อสาหร่ายโนริแลดูธรรมดาเข้าถึงง่ายตามภัตตาคารนั่งดื่มชิลอิซากายะ,สอดไส้เต้าหู้ทอดอินาริแช่เย็นสดชื่นหวานฉ่ำคูณสองบางท่านอาจจะรู้สึกเลี่ยนแต่พวกเราสองคนคลั่งไคล้มาก / "Anago" อานาโกะปลาไหลทะเลน้ำเค็มไซส์ยักษ์ลืมตัวเล็กๆตามกิจการบุฟเฟ่ต์ไปได้เลยแล่บรรจงเลาะก้างปกตินิยมย่าง-ลนไฟลองปรับวิธีนำเสนอใหม่จับต้มโชยุอุณหภูมิต่ำจนแทรกซึมเข้าเนื้อพอสุกกำลังดีแล้วนำหัว,เครื่องใน,กระดูกตุ๋นต่อจนกลายร่างสู่ซอสตำรับพิเศษชนิดเข้มข้น ปั้นข้าวสายพันธุ์โคชิอิบูกิคลุกน้ำส้มสายชูแดงท็อปปิ้งวัตถุดิบทุกรายการที่เตรียมเอาไว้ใส่ปากคำโตไขมันระเบิดนุ่มละลายหายลงคอทันทีแทบไม่ต้องเคี้ยวครับผม
นอกจากขิงดองน้ำผึ้งสไลซ์แผ่นบางหรือการิสามารถแจ้งคุณเชฟขอเติมฟรีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเผ็ดร้อนช่วยตัดเลี่ยนฉุนขึ้นจมูกตลอดระยะเวลาที่เรากำลังดื่มด่ำคอร์สโอมากาเสะมื้อพิเศษแล้วทางร้าน "Hikari Omakase" เขายังได้จัดเตรียม "Osuimono" โอะซุยโมโนะน้ำซุปเคลียร์ใสทำจากก้างปลามาไดย่างเกรียมติดไหม้เล็กน้อยผสมคัตสึโอะดาชิและสาหร่ายคอมบุตากแห้งเคี่ยวไฟอ่อนเรื่อยๆยาวนานถึงสองชั่วโมงหมั่นช้อนฟองเทผ่านตะแกรงชนิดกรองละเอียดก่อนบรรจุลงภาชนะมีฝาปิดรักษาอุณหภูมิท็อปปิ้งวากาเมะสดกับต้นหอมซอยส่งกลิ่นหอมเค็มละมุนอูมามิอุ่นสบายท้องร่างกายรู้สึกเงียบสงบใจเย็นยิ่งขึ้น / "Katsutera" คาสเทลล่าญี่ปุ่นลักษณะภายนอกเหมือนขนมไข่ของประเทศไทยแต่เป็นสูตรไร้แป้งเนื้อสัมผัสแน่นเปรียบดั่งสปันจ์เค้กฝั่งตะวันตก โดยใช้วัตถุดิบเพียง 3 รายการได้แก่ไข่ขาวตีขึ้นฟูตั้งยอดเคล้าไข่แดงตกแต่งสีเหลืองทองสวยงามตามธรรมชาติแฝงกุ้งซากุระเอบิอบบนเตาถ่านไม้ฉบับโบราณดั้งเดิมอย่างเชี่ยวชาญจนสุกเด้งสู้ฟันประทับตราแบรนด์ด้วยแท่งเหล็กลนไฟอร่อยประทับใจถ้าอยากซื้อกลับบ้านจำหน่ายชิ้นละ 65 บาท (กล่องใหญ่ 6 ชิ้น 350 บาท) ส่วนเมนูกินเล่น-ซูชินิกิริอื่นๆอยู่ในหมวด Add On สามารถออเดอร์ซ้ำซึ่งราคาก็ผันเปลี่ยนตามกลไกของตลาดไม่เท่าเทียมกันรบกวนสอบถามน้องพนักงานเองครับผม
มื้อนี้แวะมา 2 คนสั่งคอร์ส Hikari Plus เสิร์ฟให้เยอะ 19 เมนูพร้อมเครื่องดื่มรวมทั้งหมด 5,885 บาทสุทธิ (บวก Vat.7% Service Charge อีก 10% แล้วเรียบร้อย) โดยส่วนตัวถือว่าคุ้มค่าสมราคาถ้าเทียบกับวัตถุดิบบางอย่างที่ร้านเลือกใช้และคุณหัวหน้าเชฟยังมีประสบการณ์ความรู้รอบด้านเยอะสามารถนำเสนอวิธีการจัดเตรียมและปรุงอาหารสไตล์เอโดะมาเอะซึ่งแลดูเรียบง่ายธรรมดาแต่ช่วยดึงรสชาติอร่อยอูมามิแสนล้ำลึกได้จนถึงขีดสุดจึงต้องขอยกให้ติด 3 อันดับแรกของแบรนด์โอมากาเสะชวนประทับใจ ดีครบอย่างนี้ต้องให้คะแนนไปเลย 5 ดาวเต็มๆครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : โครงการแอทยูไนเต็ด เลขที่ 1900/79 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดเริ่มตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
หมายเลขโทรศัพท์ : 098-550-0550
Facebook : https://www.facebook.com/hikari.omakase
ปัจจุบัน "Hikari Omakase" อาจปรับเปลี่ยนวัตถุดิบบางอย่างตามฤดูกาลต้องคอยสอบถามบนเพจร้านครับผม
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกดปุ่ม Share เพื่ออวดเพื่อนของคุณ
ค่อยตามไปกดถูกใจเพจเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
ความคิดเห็น