เมื่อวันก่อนเรามีโอกาสเข้ามารีวิวที่โรงแรม Dream ในซอยสุขุมวิท 15 แล้วเดินผ่านร้านนึงอยู่ในโรงแรมแมนฮัตตั้นที่อยู่เยื้องๆกันชื่อว่า JinSeng เป็นร้านอาหารเกาหลีที่ดูเก่าแก่เมื่อดูจากป้ายที่หน้าร้านแปลว่ารสชาติน่าจะไม่ธรรมดา(มีลางสังหรณ์ว่าร้านนี้น่าจะอร่อย)แต่ตั้งใจเอาไว้มาชิมในโอกาสหน้า จนวันนึงพี่ที่รู้จักมาทานร้านนี้บ่อยมาก อาทิตย์นึงมา 3 วันได้ มาลุยแต่บุฟเฟ่ต์หมูย่างเกาหลีของที่นี่ราคาก็ถือว่าสูงกว่าร้านอื่นแถมมีอาหารให้เลือกแค่ไม่กี่อย่างเอง แต่ทำไมมันอร่อยขนาดนั้นจนคิดติดตลกในใจว่า"สงสัยที่ร้านนี้หมูหมักกัญชาแน่เลย" ก็ต้องดิ่งตรงมาลองชิมให้หายสงสัย วิธีการเดินทางมาก็ง่ายๆถ้ามาด้วย BTS ให้ลงสถานีนานาแล้วต่อ Taxi เข้ามาตรงกลางซอย แต่ถ้ามาด้วยรถส่วนตัวก็สามารถจอดภายในโรงแรมแมนฮัตตั้นได้ทันที วิธีการเข้าไปที่ร้านต้องเดินเข้าผ่านทางล๊อบบี้ของโรงแรมจะมีทางเชื่อมตรงเข้าสู่หน้าร้าน โดยเมนูที่เราตั้งใจมาทานในวันนี้ก็คือบุฟเฟ่ต์หมูย่างเกาหลีที่มีหมูให้เลือกถึง 7 อย่างทั้งแบบปกติและไม่หมักราคาคนละ 359 บาท นั่งทานได้ 1.30 ชม. ถ้าอยากได้ซุปเกาหลี 1 ถ้วยเลือกได้ 1 จาก 3 เมนูราคาคนละ 399 บาท(ไม่สามารถเติมซุปเพิ่มได้)นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารทานเล่นราคาพิเศษราคา 30-290 บาท (แต่เราตั้งใจมาทานบุฟเฟ่ต์อยู่แล้วเมนูพวกนี้คงไม่แตะต้อง) ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มแต่ยังดีที่มีชาเขียวรีฟีลอีก 60 บาท บุฟเฟ่ต์ที่นี่ต้องมาทานอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบทานฟรี ถ้าเกิน 5 ขวบแล้วแต่ส่วนสูงไม่ถึง 120 ซม. คิดครึ่งราคา แต่ถ้าสูงกว่า 120 ซม. ขึ้นไปคิดเต็มราคานะครับ อีกอย่างที่นี่ปรับโหดมากถ้าย่างหมูแล้วทานไม่หมดเขาปรับ 300 บาท ถือว่ามีอาหารให้เลือกน้อยและราคาสูงกว่าร้านอื่นแต่เขามีจุดเด่นอะไรที่ทำให้คนที่ผมรู้จักมาทานได้บ่อยๆทั้งที่ดูแล้วก็ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย เดี๋ยวเราเข้าไปในร้านเพื่อค้นหาคำตอบนั้นกันครับ
เดินเข้ามาภายในร้านบรรยากาศที่รับรู้ได้ก่อนเลยคือ ร้านนี้ไม่เหมือนกับทุกร้านอาหารเกาหลีที่เราเคยได้ทานมาก่อนหน้านี้ เพราะทุกที่นั่งมันคือโต๊ะขนาดใหญ่แล้วกั้นฉากเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด โดยแต่ละห้องนั้นสามารถนั่งทานได้ทั้งหมด 6 คน และเขาเหมือนรู้ว่าแอร์ของโรงแรมไม่เย็นฉ่ำเท่าไหร่นัก ทุกห้องก็เลยมีพัดลมตั้งพื้นเอาไว้ให้ห้องละ 1 ตัว ใครที่มากับเพื่อนเยอะๆหรือต้องการห้องปิดสนิทที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นเขาก็มีห้องพิเศษให้บริการอยู่หลายห้องเลยครับ (สามารถแจ้งกับทางร้านเพื่อขอเข้าใช้บริการได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ทุกๆโต๊ะภายในร้านถึงแม้ว่าจะมีกำแพงกั้นแต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียกพนักงานยาก เพราะเขามีปุ่มเรียกพนักงานทุกโต๊ะกดกริ่งปุ๊บมาทันที และอย่างที่บอกว่าร้านนี้เขาเปิดมานานแล้วก็มีรูปถ่ายทั้งดาราชาวไทยและเกาหลีแปะอยู่เต็มร้าน บางรูปมีลายเซ็นต์มายาวนานกว่า 10 ปีแล้วแปลว่าร้านนี้ได้รับความนิยมไม่ใช่น้อยเลย ตอนนี้เรานั่งที่โต๊ะแล้วเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
สั่งอาหารยังไม่ทันเสร็จดีเครื่องเคียงต่างๆทั้ง เส้นแก้วสาหร่ายเส้นใหญ่คลุกกับมายองเนสรสหวานมันเส้นแก้วเคี้ยวกรุบกรอบ/ยำปูอัดผสมแตงกวาญี่ปุ่นรสหวานอ่อนๆหอมกลิ่นน้ำมันงาและปูอัด/กิมจิหัวไชเท้ารสเปรี้ยว-เค็มสัมผัสเวลาเคี้ยวกรุบกรอบอร่อยดีครับ/สาหร่ายแห้งอบงาขาวรสหวานหอมกลิ่นงาและสาหร่าย/ผัดเต้าหู้ปลาแบบลูกเต๋าหั่นซีกกับหัวหอมใหญ่และแครอทรสหวานเค็มเหมาะทานคู่กับข้าวสวยสุดๆ สุดท้ายคือกิมจิผักกาดขาวกรอบฉ่ำรสเปรี้ยว-เค็มมีความเผ็ดลงตัวมากๆ(คิดถึงข้าวหมูสามชั้นผัดกิมจิขึ้นมาเลย ถ้าได้กิมจิดีๆแบบนี้ต้องอร่อยแน่ๆ) ชอบถึงขนาดซื้อกลับไปบ้านด้วยเขาขายกิมจิราคากิโลละ 300 บาท ส่วนผักสดที่นี่มีให้ทานแค่ผักกาด/พริกหยวก/กระเทียมฝาน(น่าเสียดายที่ไม่มีใบงาให้ทานไม่งั้นจะถึงอารมณ์เกาหลีสุดๆ) น้ำจิ้มมีให้ทาน 3 สูตรคือน้ำจิ้มสูตรโคชูจังรสชาติเหมือนกับน้ำยำรสเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นน้ำมันงาและให้ความเผ็ดอ่อนๆด้วยโคชูจังอันนี้ถือว่าเด็ดจริง น้ำจิ้มสูตรชัมจังรสชาติเค็มอมหวานนิดๆหอมกลิ่นเต้าเจี้ยวเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานรสหวาน และสุดท้ายก็คือน้ำจิ้มสูตรน้ำมันงาผสมเกลือ-พริกไทยอันนี้เค็มสุดในบรรดาทั้ง 3 สูตร ส่วนตัวชอบน้ำจิ้มโคชูจังของที่ร้านนี้เป็นอันดับ 1 เป็นรสชาติที่ไม่เคยทานที่ร้านอาหารเกาหลีร้านไหนมาก่อน ส่วนเครื่องดื่มเราเลือกเป็นชาเขียวเย็นรีฟีลราคาคนละ 60 บาท ยกมาให้เป็นเหยือกใช้ผงชาเขียวมัทฉะผสมน้ำมาแบบเข้มข้นต้องคนก่อนดื่มไม่งั้นตกตะกอนจนขมเลยครับ
เราสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 399 บาทเลยได้เลือกซุปคนละ 1 ถ้วย ผมเลือกเป็นซุปกิมจิที่เบสเป็นซุปกระดูกหมูรสกลมกล่อมใส่กิมจิชั้นดีของที่ร้านให้รสเปรี้ยวผักกาดขาวกรุบกรอบทานคู่กับเต้าหู้ขาวเนื้อนุ่มนิ่มเอาไว้ซดคู่กันแก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดีเลยครับ อีกชามเป็นซุปเต้าหู้อ่อนเบสเป็นซุปกระดูกวัวรสเผ็ดใส่เนื้อสับ/ต้นหอมญี่ปุ่น/พริกหยวกและเต้าหู้ถั่วเหลืองแบบสับเป็นชิ้นๆ ได้ความหอมของเนื้อวัวและรสหวานจากผักที่ใส่ลงไปพร้อมกับเต้าหู้และเนื้อสับเคี้ยวละมุนซดได้เพลินๆ แต่ส่วนตัวแล้วชอบซุปกิมจิเต้าหู้ที่นี่มากกว่าเพราะมีความเปรี้ยวนิดๆสดชื่นมากกว่า
ต่อกันด้วยเนื้อหมูทั้ง 7 เมนูที่ทางร้านรวมมาเป็น 4 จานได้แก่ หมูส่วนสันคอและหมูส่วนสามชั้นแบบไม่หมักมีชั้นไขมันแทรกสวยงาม หมูหมักซอสเกาหลีและสามชั้นหมักซอสเกาหลีที่นี่หมักมารสชาติหวานกลอมกล่อม ไม่หวานจนเหมือนหมูปิ้งนมสดไทยแบบบางร้าน เนื้อหมูมีความนุ่มแต่ไม่เละเหมือนหลายๆร้านยิ่งส่วนสามชั้นติดมันยิ่งอร่อย หมูสันคอหมักโคชูจังและหมูสามชั้นหมักโคชูจัง จานนี้รสชาติไม่ต่างจากจานที่แล้วมากนักแต่มีกลิ่นของพริกป่นและโคชูจังรสเผ็ดอ่อนๆช่วยทำให้ทานได้เยอะยิ่งขึ้น จานสุดท้ายก็คือหมูสามชั้นสไลด์พันกับเห็ดเข็มทอง โดยรวมทุกจานเขาใช้เนื้อหมูที่มีคุณภาพดีมีไขมันแทรกเนื้อสวยไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ ส่วนจานที่หมักมาก็รสชาติไม่เข้มข้นเกินไปเพื่อให้ทานเปล่าๆได้อร่อย(ไม่เค็มหรือหวานจัดเกินไป)หรือห่อกับผักกาดสดแล้วราดทานกับน้ำจิ้มสูตรของที่ร้านได้รสชาติที่ลงตัวมากขึ้น ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าร้านนี้เขาคิดมาดีทานได้หลายแบบแถมรสชาติถูกปากคนไทยถึงอยู่ได้นานขนาดนี้
ข้อดีอีกอย่างของที่ร้านนี้คือเราไม่ต้องย่างเองจ้า(มีหน้าที่แค่นั่งทานอย่างเดียว) เพราะพนักงานที่ร้านเขาจะคอยดูแลเราอย่างราชาตลอดเวลา ตั้งแต่นำเครื่องเคียง-เครื่องดื่มมาเสิร์ฟ/รับออเดอร์/นำหมูย่างลงเตาให้/เมื่อสุกแล้วก็ตัดใส่จานแยกไว้ให้ คอยเติมน้ำดื่ม/เครื่องเคียง/น้ำจิ้ม/ผักสด/สอบถามว่าเราจะเอาหมูจานไหนเพิ่มมั้ยและเปลี่ยนเตาเพิ่มถ่านให้เราตลอดเวลา ไม่ได้ดูแลเราแค่โต๊ะเดียวแต่เดินสลับไปมาระหว่างโต๊ะอื่นๆไปเรื่อยๆไม่มีหน้าหงิกงอใส่จุดนี้เป็นอีก 1 บริการที่ประทับใจมากๆ บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเกาหลีที่ร้านอื่นไม่มีทางทำให้เรามากขนาดนี้อย่างแน่นอนครับ
พนักงานที่ร้านเตรียมทุกอย่างให้เราแล้ว(เหลือแค่ห่อผักแล้วป้อนใส่ปากให้เราเท่านั้นเอง) แต่เขาไม่ทำให้เราเลยต้องห่อเองจัดการวางหมูย่างสุกเกรียมลงบนใบผักกาดสด เพิ่มกิมจิหรือเครื่องเคียงต่างๆลงไปแล้วราดด้วยน้ำจิ้มที่เราชอบจากนั้นก็ห่อเข้าปากได้ทันที แต่ถ้าขี้เกียจห่อผักแบบผมก็นำตะเกียบคีบกิมจิวางบนช้อนแล้วตามด้วยเนื้อหมูย่างจนสุกจิ้มกับน้ำจิ้มสูตรที่ชอบวางลงบนกิมจิแล้วเอาเข้าปากทันทีก็อร่อยเด็ดและง่ายสุดๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่ากิมจิและน้ำจิ้มที่นี่เด็ดสุดๆแถมมีพนักงานคอยย่างให้ทานเรื่อยๆแบบนี้ให้เวลาทาน 1.30 ชม. ก็ถือว่าเหลือๆเลยครับ เมื่ออิ่มแล้วถึงแม้ว่าในเมนูจะไม่มีของหวานแต่เขาก็มีแตงโมหั่นชิ้นแช่เย็นทานแล้วชื่นใจ พร้อมกับกระปุกใส่ไม้จิ้มฟันให้เคลียร์ช่องปากตัวเองก่อนออกจากร้าน ถือว่าเป็นบริการเพิ่มเติมเล็กน้อยที่ทำให้ผมรู้สึกอยากมาทานที่นี่อีกครับ
แต่ถ้าใครรู้สึกว่าของหวานที่ร้านยังไม่สะใจเขาก็มีไอศครีมเป็นถ้วยยี่ห้อ ETE ราคาถ้วยละ 60-70 บาท ไว้ให้เลือกทานอีกหลายรสชาติ แต่น่าเสียดายที่ร้านนี้ขายอาหารเกาหลีน่าจะมีเป็นไอศครีมเกาหลีให้เลือกทานหลายแบบจะรู้สึกตื่นเต้นกว่านี้เยอะเลยครับ มื้อนี้เราลุยกันเป็นบุฟเฟ่ต์หมูย่างเกาหลีเสิร์ฟพร้อมกับซุปร้อนๆอีกคนละ 1 ถ้วยราคาคนละ 399 บาทและค่าน้ำรีฟีลอีก 60 บาทรวมเป็นคนละ 459 บาท ไม่มี Vat. หรือ Service Charge มากวนใจเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าราคารวมแล้วจะทานบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างญี่ปุ่นได้ทานเมนูที่หลากหลายกว่า แต่ด้วยบริการที่เหนือกว่าร้านอื่นๆและรสชาติก็ไม่เหมือนกับร้านอาหารเกาหลีร้านไหนๆที่เคยทานมาก่อนทำให้น่าเข้ามาใช้บริการมากกว่า รับคะแนนความอร่อย/ความคุ้มค่าและความประทับใจไป 5 ดาวเต็มแบบไม่ต้องสงสัยเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
ก่อนกลับมานั่งเปิดดูเมนู A La Carte ที่หน้าร้าน ราคาถือว่าแรงพอตัวเมนูเนื้อวัวส่วนราคาจานละ 490-790 บาท จนไปถึงเนื้อรวมจานใหญ่ราคา 1,590 บาท เมนูเนื้อหมูสำหรับย่างราคาจานละ 350-500 บาท ไปจนถึงเนื้อหมูรวมจานใหญ่ราคา 790 บาท(ส่วนตัวคิดว่าถ้ามาทานหมูย่างที่ร้านเป็นบุฟเฟ่ต์จะคุ้มกว่า) นอกนั้นเป็นเมนูอาหารเกาหลีหลากหลายเมนู ตั้งแต่อาหารจานเดียวไปจนถึงหม้อไฟชุดใหญ่โตราคา 200-800 บาท แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า 1 จานนั้นเขาเสิร์ฟจานใหญ่อลังการแค่ไหนกัน แต่ดูแล้วมีหลายเมนูน่าทานอยู่ไว้มีโอกาสครั้งหน้าค่อยมาชิมกันครับผม
พิกัด : โรงแรมแมนฮัตตั้นชั้น 1 เลขที่ 13 ซอยสุขุมวิท 15 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด 11.30 - 23.00 น. โทร. 02-251-9781
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments