อยู่ดีๆก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวผมโทรมาบอกว่าร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเนื้อวัววากิวสุดคุ้มย่านพญาไทที่เราเคยรีวิวเมื่อกลางปีก่อนกำลังเปิดสาขาใหม่แถวเกษตร-นวมินทร์นั่นก็คือ "Red Panda Yakiniku" สถานที่ตั้งแห่งใหม่ยิ่งใหญ่อลังการกว่าเดิม โดยจองเป็น Soft Opening ให้ลูกค้าลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อทดลองระบบการจัดการภายในต่างๆก่อนเลยถือโอกาสนี้ถือกล้องเข้ามารีวิวด้วย วิธีการเดินทางถ้าเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดแล้วขับตามระบบนำทางบนแผนที่มีลานจอดของโครงการ Design Village กว้างขวางฟรีตลอดทั้งวัน บริการขนส่งสาธารณะก็สะดวกเพียงลง BTS สถานีเสนานิคมหรือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อย จากประตูทางเข้าหลักมองหา "น้องแพนด้าแดง" สุดน่ารักอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณชั้น 1 พบเจอไม่ยากนักเพราะทำป้ายใหญ่โตสีสันสดมองเห็นเด่นชัดเจนตั้งแต่ระยะไกล ราคาเริ่มต้นคนละ 469 บาท (ไม่รวม Vat.7% / Service Charge 10% / เครื่องดื่มรีฟิลอีก 39 บาท) อัปเกรดเมนูเสิร์ฟทั้งหมด 70 รายการตลอด 90 นาทีเหมือนเดิม เด็กเล็กต่ำกว่า 100 ซม.ทานฟรี ส่วนสูง 101-130 ซม.จ่ายแค่ 50% แนะนำให้โทรจองก่อนแบ่งเป็น 5 รอบทั้ง 11:30/13:30/15:30/17:30 และ 19:30 น. หน้าร้านบรรยากาศเหมือนโรงแรมเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นโบราณย้อนยุคสุดหรูหราดูทางการกว่าตรงพญาไทไม่รอช้ารีบเข้าไปสำรวจด้านในกันเลยครับผม
บรรยากาศภายในร้าน "Red Panda Yakiniku" ทั้งหมดถูกปรับระดับเพิ่มความเป็นทางการพร้อมพื้นที่กว้างขวางและสว่างสดใสมากยิ่งขึ้นอีกขั้นแต่ยังคงสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นสมัยโบราณหรือ "เรียวกัง" เอาไว้อย่างเหนียวแน่นคล้ายสาขาพญาไท เริ่มต้นจากหน้าประตูทางเข้าหลักจำลองเหมือนลานสวนหินขนาดเล็กดูสวยงามสบายตาตามวิถีแห่งพุทธนิกายเซนสามารถเดินทะลุได้ทั้งสองฝั่งของโครงการ Design Village เกษตร-นวมินทร์ แบ่งรูปแบบการบริการออกเป็น 3 ส่วนนั่นก็คือ 1. ม้านั่งไม้แนวยาวพิเศษตรงกลางเสริมเก้าอี้รองรับลูกค้าได้ครั้งละ 4-5 คนเหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวย่อมๆ 2. โต๊ะฮันนีมูนติดริมหน้าต่างชมวิวด้านนอกติดตั้งฉากกั้นส่วนตัวซึ่งเมื่อก่อนจะมีเพียงที่เดียวเท่านั้นเมื่อเปิดสาขาใหม่จึงขยับขยายเพื่อตอบโจทย์คู่รักให้เยอะกว่าเดิม 3. ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่สร้างไว้จัดปาร์ตี้บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเนื้อวากิวนั่งได้ประมาณ 8-10 ท่านถ้ายังไม่พอแนะนำว่าโทรจองล่วงหน้าเพื่อกั้นโซนฉลองเฉพาะตั้งแต่ 13 คนขึ้นไปเรียกเก็บเงินค่ามัดจำ 50% เมื่อสั่งอาหาร-เครื่องดื่ม-ขนมหวาน A La Carte ครบ 2,000 บาทรับส่วนลดทันที 20% การตกแต่งโดยรวมเน้นลายไม้เกือบ 100 % สลับพื้นกระเบื้องลายหิน/ผนังสีขาวสะอาด/ไฟโทนสีเหลืองอมส้มให้ความรู้สึกอบอุ่นชวนฟินนานๆไม่รอช้าเลือกโต๊ะได้แล้วมาเริ่มออเดอร์กันเลยครับผม
เล่มรายการอาหารบุฟเฟ่ต์ / A La Carte ของทางร้าน "Red Panda Yakiniku" มีการเปลี่ยนแปลงอัปเดตใหม่ล่าสุดรวมกว่า 70 เมนู และเพื่อไม่ให้บทความรีวิวนี้ยาวเกินไปขออนุญาตแปะลิงก์เป็นฉบับออนไลน์สามารถรับชมได้เลยที่ > https://bit.ly/3Rp2VS4 < บุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 469 และ 699 บาท++ (ไม่รวม Vat. / Service Charge / เครื่องดื่มรีฟิล 39 บาท) นั่งฟินยาวตลอด 90 นาที พร้อมเงื่อนไขอีกเล็กน้อยซึ่งเราควรทำความเข้าใจให้ตรงกันทั้งสองฝ่าย ส่วนวิธีการออเดอร์ของสาขาเกษตร-นวมินทร์นี้ไม่ต้องเขียนตัวเลขบนตารางเหมือนพญาไทโดยพนักงานจะช่วยคีย์ผ่านระบบส่งถึงห้องครัวแทน (แนะนำว่าควรสั่งทีละท่านเพื่อป้องกันตกหล่นหรือเกิน) ระหว่างรอก็มีเวลาสำรวจอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆบนโต๊ะวางไว้ทั้งจานแบ่งส่วนตัว/ตะเกียบไม้ใช้แล้วทิ้ง/ถ้วยน้ำจิ้ม/ขวดซอสบาร์บีคิวสูตรเฉพาะ/พริกไทยดำบิดบดเอง/กรรไกรตัดแต่งเนื้อ/ที่คีบด้ามเหล็กยาว/กระดาษทิชชู่แผ่นหนาและแก้วน้ำรีฟิล เดินมาตักน้ำแข็งกดโค้ก/สไปรท์/แฟนต้าน้ำส้ม/แฟนต้ารสสตรอว์เบอร์รี่/ชามะนาว Fuze Tea/ชาเขียวมัทฉะไม่หวานเติมเปลี่ยนได้เรื่อยๆตามใจไม่ต้องคอยชะเง้อหาเรียกพนักงานแบบเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วครับผม
วันนี้พวกเราเลือกบุฟเฟ่ต์ระดับ Premium ราคาเพียงคนละ 699 บาท++ ออเดอร์ได้เกือบทุกอย่างภายในเล่มรายการอาหาร (ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น) เริ่มต้นด้วยเมนู Signature อันดับ 1 ของร้าน "Red Panda Yakiniku" นั่นก็คือ "Premium Wagyu Set" ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อวากิวคุณภาพคัดพิเศษจากหัวหน้าเชฟรวม 4 ส่วนจัดเสิร์ฟบนจานขนาดใหญ่เรียงอย่างสวยงามทั้ง 1. Wagyu Jou Satomomo สะโพกมีสีแดงสดใสแทรกไขมันสีขาวลายหินอ่อนของวัวสายพันธุ์ทาจิมะลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมออสเตรเลียจุดเด่นคือความนุ่ม-รสชาติเข้มข้นโดยเอาข้อดีต่างๆมารวมกันใหม่ 2. Wagyu Jou Birusuke บริเวณพื้นท้องหรือสามชั้นอมชมพูสลับไขมันตลอดแนวสไลซ์แผ่นบางแนะนำให้ย่างติดเกรียมหน่อยจะอร่อยกรุบกรอบมากยิ่งขึ้น 3. Jou Misuji ใบพายมีเส้นเอ็นพาดตรงกลางแทรกมันเล็กน้อยพอนุ่มนิ่มแต่ไม่เหนียวชวนกินได้อีกเรื่อยๆ 4. Sendai Style Gyu-Tan ลิ้นวัวสไตล์เซนไดเฉพาะส่วนโคนปริมาณไขมันเยอะเหมือนก้อนหินอ่อนสีชมพูพาสเทลชิ้นค่อนข้างหนาเพื่อรับสัมผัสเด้งดึ๋งเคี้ยวสู้ฟัน วิธีการฟินขั้นสุดยอดเพียงปิ้งโรยเกลือ/พริกไทยบีบมะนาวเล็กน้อยช่วยตัดเลี่ยนได้ดี ข้อควรระวังก่อนสั่งเนื่องจากปริมาณต่อเนื้อชุดให้เยอะมากๆจึงควรคำนวณพื้นที่ในกระเพาะตัวเองก่อนทุกครั้งเพราะกฎใหม่ปรับจริงคิดโหดกว่าเดิมครับ
รายการถัดไปปกติมักจะเสิร์ฟเฉพาะภายในภัตตาคารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นสไตล์ A La Carte สุดหรูใจกลางกรุงเท่านั้นแต่ทางร้าน "Red Panda Yakiniku" เอามาจัดเป็นบุฟเฟ่ต์ให้ทานได้ไม่อั้นนั่นก็คือ "Yaki Suki" ใช้เฉพาะส่วนพื้นท้องแทรกไขมันน้อยกว่าเมนูก่อนเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเลี่ยนเร็วเกินสไลซ์แผ่นบางๆเรียงลงบนจานราดน้ำซอสสุกี้ยากี้รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมสูตรเข้มข้นพิเศษโรยงาขาวคั่วใหม่ วิธีการฟินเหมือนชาบูชาบูเพียงย่างพลิกกลับเรื่อยๆจนถึงระดับความสุกที่ต้องการจุ่มไข่โมริทามะเกรดทานสดก่อนเข้าปากคำโตช่วยเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ราวกับคาราเมลหอมกลิ่นถ่านสัมผัสนุ่มนวล-ไหลลื่นลงคอ เมนูต่อไปได้แก่ "Negidare Wagyu" วัวสายพันธุ์ทาจิมะส่วนสันนอกคัดเฉพาะ MBS หรือ Marble Score ระดับ 4-5 เกรดนำเข้าจากประเทศออสเตรเลียมีจุดเด่นตรงไขมันแทรกและติดตรงขอบดูสวยงามรสชาติเข้มข้นแต่ไม่รุนแรงจนเข้าขั้นเหม็นสาบเพราะกำจัดข้อด้อยนั้นออกด้วยเลือดพ่อวากิวญี่ปุ่นแท้อีกทั้งยังถูกเลี้ยงจากฟาร์มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะจึงออกมาคุณภาพสูงอย่างที่เห็น สไลซ์แผ่นบางพิเศษจนเกือบมองเห็นด้านล่างจานแนะนำว่าควรปิ้งแค่พอสุกด้านเดียวแล้วห่อเนกิดาเระหรือต้นหอมญี่ปุ่นซอยดองเกลือกับพริกไทยดำตรงกลางช่วยตัดเลี่ยนแบบหมดจดพร้อมระเบิดน้ำเนื้อกระจายชุ่มฉ่ำเต็มปากสะใจสุดๆครับผม
เอาใจสายที่ชื่นชอบรสชาติแซ่บถึงใจแต่ยังคงความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นด้วยเมนู "Karamiso Misuji" ส่วนเนื้อใบพายของวัวทาจิมะวากิวแทรกไขมันกำลังดีหมักซอสคารามิโซะหรือเต้าเจี้ยวบดผสมพริกสีแดงตำรับดินแดนอาทิตย์อุทัยหวานนำปนเผ็ดร้อนกลมกล่อมบรรจุลงในขวดไหรูปทรงโบราณสีน้ำตาลพร้อมแครอทและฟักทองหั่นชิ้นเล็กซึ่งเราแนะนำว่าควรย่างแค่พอสุกพร้อมต้องคอยพลิกกลับตลอดๆเพราะมีส่วนประกอบของน้ำตาลจึงค่อนข้างไหม้ง่ายเป็นพิเศษ สำหรับสาวกเกาหลีตัวจริงก็สามารถมาฟินตามรอยซีรีส์ดังกันได้เพราะที่ร้าน "Red Panda Yakiniku" เขายังมี "Soto Bara" ส่วนอกติดมันเลือกเปลี่ยนซอสได้ถึง 3 สูตรทั้ง 1. ทาเระ 2. คารามิโซะ 3. โคชูจัง แบบเข้มข้นเคลือบชิ้นเนื้อก่อนปิ้งเตาถ่านวางบนใบผักสดเพิ่มกิมจิอีกหน่อยให้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งกิน ณ ภัตตาคารสุดหรูย่าน Korean Town แถวสุขุมวิทไม่มีผิด จานถัดไปนั่นก็คือ "Jou Burisuke" ร่องซี่โครงตรงช่องท้องด้านในเนื้อสีแดงสดใสไขมันน้อยกว่าจึงไม่ค่อยเลี่ยนแต่อร่อยนุ่มกลิ่นหอมชัดเจนทัดเทียมสามชั้นเสือร้องไห้ รายการต่อมา "Jou Gyu Tan" ลิ้นวัวสไลซ์บางทานง่ายกว่าเซนไดชุดพรีเมี่ยมซึ่งไม่สามารถสั่งแยกต่างหาก ลงเตาไม่นานก็สุกเพียงโรยเกลือ,พริกไทย,บีบน้ำมะนาว,ต้นหอมเนกิดาระด้านบนอีกหน่อยแล้วนำเข้าปากรับรองว่าโดนใจอย่างแน่นอนครับผม
สำหรับคนไม่ทานเนื้อวัวเนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัวใดก็ตามทางร้าน "Red Panda Yakiniku" ได้อัปเกรดความพรีเมี่ยมให้รู้สึกคุ้มค่า-สมราคายิ่งขึ้นเริ่มต้นกันที่ "Special Pork Moriawase" ชุดรวมหมูพิเศษซึ่งทุกรายการถ้าชื่นชอบรายการไหนมากพิเศษสามารถสั่งแยกได้เกือบทั้งหมดประกอบไปด้วย 1. Kurobuta Kata Rosu ส่วนสันคอแทรกไขมันกับเนื้อปริมาณสมดุลเป็นวัตถุดิบพื้นฐานประจำภัตตาคารชาบูหรือปิ้งย่างทั่วไป 2. Kurobuta Bara สามชั้นสายพันธุ์คุโรบูตะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นจับลอกหนังแข็งชวนเคี้ยวติดฟันออกไปเหลือแต่สัมผัสนุ่มๆละลายในปาก (เปลี่ยนให้ราดซอสทาเระ,คารามิโซะ,โคชูจังได้ตามใจ) 3. Arabiki Herb Sausage ไส้กรอกอะราบิกิหนังด้านนอกกรุบกรอบผ่านกระบวนการรมควันโดยใช้หมูสับหยาบผสมเครื่องสมุนไพรกลิ่นหอมเฉพาะตัวไม่เหมือนใครแนะนำว่าต้องลองด้วยตนเอง ยกเว้นเมนู 4. Chuck Of Pork Neck เท่านั้นซึ่งมีเฉพาะในชุดนี้เป็นคอหมูแท้ไม่ผ่านการหมักซอส คิดว่าคุโรบูตะเบสิคเกินไปต้องลอง "Iberico Pork Belly" หมูสามชั้นไอเบอริโก้จากนำเข้าชายแดนสเปนติดโปรตุเกสเลี้ยงบนภูเขาทานเฉพาะลูกโอ๊กจึงมีกรดไขมันดีเทียบชั้นน้ำมันมะกอกสั่งได้ไม่อั้นเช่นเดียวกันครับ
ใครที่เป็นสายซีฟู้ดก็ไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะแม้ว่าทางร้าน "Red Panda Yakiniku" จะมีตัวเลือกให้ค่อนข้างน้อยแต่ใช้เฉพาะขนาดใหญ่คุณภาพจัดเต็มเริ่มต้นกันด้วย "Salmon Steak" แล่ติดหนังสายพันธุ์แอตแลนติกไขมันลีนกว่านอร์เวย์ตามภัตตาคารซูชิทั่วไปซึ่งมีข้อดีก็คือย่างนานแล้วเนื้อไม่ยุ่ยเละสลายหายลงในร่องตะแกรงเหล็กหรืออาจขอแผ่นฟอยล์รองบนเตาก่อนจะปิ้งกับน้องพนักงานได้ฟรีไม่คิดเงินเพิ่มแต่อย่างใด วิธีการฟินแค่โรยเกลือ/พริกไทยดำบีบน้ำจากเลมอนสดอีกนิดช่วยตัดเลี่ยนและกลิ่นหอมเฉพาะตัวสไตล์ฝั่งตะวันตก จานถัดไปนั่นก็คือ "Giant White Prawn" กุ้งขาวไซส์จัมโบ้เปลือกสีน้ำเงินเข้มแสดงถึงความสดใหม่ตัดแต่งหนวดรุงรังออกให้สวยงามพร้อมลงเตาเนื้อกรอบหวานเด้งสู้ฟันไม่แพ้กุลาดำหรือแชบ๊วยราคาสุดแพง รายการต่อมา "Shishamo" ปลาไข่ญี่ปุ่นหนังไร้รอยขีดข่วน-ดวงตาแจ่มใสห่อแผ่นฟอยล์ปิดอย่างมิดชิดค่อยๆใช้ความร้อนนึ่งจนสุกนุ่มฟูเค็มละมุนตามธรรมชาติเพียงบีบมะนาวช่วยตัดเลี่ยนอีกนิดหน่อยอร่อยลงตัวสุดๆ เมื่อก่อนใช้หมึกกระดองตัวเล็กปัจจุบันอัปเดตสู่ "Tako" ปลาหมึกสายตัวขนาดพอดีคำผ่าไส้ตรงหัวทิ้งย่างสุกจิ้มซอสซีฟู้ดสไตล์ไทยแท้ๆรสชาติเปรี้ยวอมหวานเผ็ดร้อนหอมกลิ่นพริกสด/กระเทียมผสมน้ำมะนาวพุ่งขึ้นจมูกสะใจ สามารถเอาปรับไปใช้ได้กับอาหารทะเลทุกเมนูที่ผ่านๆมาครับ
ถ้าคุณเคยไปภัตตาคารนั่งดื่มสไตล์อิซากายะมาก่อนจะทราบกันดีกว่าเมนู Kushiyaki หรือวัตถุดิบปิ้งเสียบไม้แบบญี่ปุ่นปริมาณน้อยสุดนิดแถมขายราคาแพงมากโดยร้าน "Red Panda Yakiniku" เข้าใจถึงปัญหาเหล่านั้นจึงนำมาเสิร์ฟไม่อั้นรวมกว่า 6 รายการได้แก่ 1. Wagyu Tsukune ทาจิมะวากิวพรีเมี่ยมบดซึ่งคำนวณปริมาณเนื้อให้สมดุลกับไขมันใส่เครื่องปรุงสมุนไพรลับหลากหลายชนิดปั้นก้อนคล้ายแฮมเบิร์กชิ้นโตย่างพอสุกเกรียมด้านนอกแต่ข้างในชุ่มฉ่ำรสชาติเค็มกลิ่นหอมคลุ้งเต็มปากถือเป็นอีก Signature ที่มาแล้วห้ามพลาดเลยเด็ดขาด 2. Shio Gyu Kushiyaki ส่วนสันนอกมันน้อยแค่ติดตรงขอบโรยเกลือ-พริกไทยธรรมดาใช้เวลาปิ้งไม่นานนักก็พร้อมทานทันที 3. YakiTori สะโพกไก่ติดหนังเล็กน้อยสัมผัสเด้งสู้ฟันหมักซอสสูตรลับหวานเค็มกลมกล่อมจนเข้าเนื้อไล่ความชื้นส่วนเกินบนเตายิ่งกระชับเคี้ยวสนุกมากขึ้น 4. YakiTori Negima คล้ายๆไม้ก่อนแค่สลับต้นหอมญี่ปุ่นหั่นท่อนแทนเนื้อสะโพกไก่บางส่วนจึงหวานฉ่ำตัดเลี่ยนได้ดีกว่า 5. Shio Bara Kushiyaki หมูสามชั้นโรยเกลือ,พริกไทยดำไม่หวือหวาเคล็ดลับคือปล่อยทิ้งบนเตาไฟอ่อนใช้เวลานานจะมีสีน้ำตาลกรอบๆอร่อยมากขึ้น 6. Bacon Enoki เบคอนแท้รมควันมีความเข้มข้นอยู่ในตัวพันเห็ดเข็มทองช่วยให้น้ำเนื้อ-ไขมันไหลเข้าไปอย่างชุ่มฉ่ำเตรียมระเบิดในปากครับผม
เมนูต่อมาอยู่ในหมวด Grill Cup หรือวัตถุดิบใส่ในถ้วยเหล็กนำความร้อนวางบนเตาถ่านย่างจนสุกโดยไม่ทำให้สูญเสียความชุ่มฉ่ำของอาหารไป อีกรายการ Signature เมื่อมาแล้วห้ามพลาดเด็ดขาดนั่นก็คือ "Hotate Butter Garlic" หอยเชลล์ฮอกไกโดไซส์ยักษ์ใส่เนยสด,กระเทียมสับ,ซอสโชยุสไตล์ญี่ปุ่นง่ายๆแต่อร่อยเนื้อเด้งเคี้ยวเต็มคำสะใจ ถาดถัดไปสั่งมาแบบรวมหลายอย่างทั้ง "Gochujang Seafood" เนื้อกุ้งผสมมันตรงหัวปลาหมึกซอสโคชูจังเกาหลี / "Tteokbokki" ต๊อกโปกีหรือเค้กข้าวสตรีทฟู้ดยอดนิยมแห่งดินแดนโสมขาวหั่นเป็นท่อนๆใส่ซอสรสหวานปนเผ็ดเหมือนถ้วยก่อนแนะนำว่าควรปิ้งใช้เวลานานๆเพื่อไล่ความชื้นส่วนเกินออกจะเข้มข้นถึงใจดียิ่งขึ้น / "Butter Corn" เมล็ดข้าวโพดหวานล้วนใส่ก้อนเนยเค็มธรรมดาไว้ทานเล่นระหว่างรอเนื้อวากิวย่างบนเตาสุก นอกจากนี้ยังมีเหล่าเครื่องเคียงอีกมากมายได้แก่ "Aburi Shime Saba" ปลาซาบะดองเค็ม-เปรี้ยวตัดเลี่ยนไขมันปลาลนไฟไหม้เกรียมตรงหนังโรยต้นหอมซอย / "Tamagoyaki" ไข่หวานย่างฉ่ำน้ำซุปปลาตำรับโฮมเมดไม่แข็งกระด้าง / "Kani Sashimi" ปูอัดซาชิมิเกรดปลาเนื้อขาวเยอะแป้งน้อยสัมผัสหนึบหนับ / "Chuka Wagame" ยำสาหร่ายวากาเมะสีเขียวหวานนำอมเปรี้ยวหอมน้ำมันงาถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ / "Edamame" ถั่วแระญี่ปุ่นนึ่งโรยเกลือเค็มปะแล่มแต่หยุดกินไม่ได้ / "Kimchi" กิมจิตำรับเกาหลีแท้เปรี้ยวซ่าติดลิ้นเผ็ดร้อนจัดจ้าน / "Scallop Fin Sesame Oil" ครีบหอยเชลล์ผ่านกระบวนการยำผสมน้ำมันงาหวานหอมเคี้ยวหนึบลองชิมแค่ถ้วยเดียวไม่พออย่างแน่นอนครับผม
ลุยเนื้อวัววากิวย่างปริมาณเยอะแล้วเริ่มรู้สึกเลี่ยนทางร้าน "Red Panda Yakiniku" ก็เข้าใจเหล่าปัญหานี้จึงได้คิดค้นเมนูหมวด "Yum & Salad" สไตล์ไทย,ญี่ปุ่น,ยุโรปแบบฟิวชั่นไว้หลายรายการ แต่วันนี้เราสั่งมาลองเพียง 4 อย่างทั้ง "Salmon Yum" ทุกชามต่อจากนี้ด้านล่างถูกรองด้วยใบผักกรีนคอสหั่นท่อนๆ/มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่งซีก/หัวหอมแดงแขกซอยบางเฉียบปรับเปลี่ยนแค่ท็อปปิ้งและซอสนั่นก็คือแซลมอนนอร์เวย์หั่นชิ้นพอดีคำสีส้มสดใสแทรกไขมันสวยงามราดน้ำยำหวานอมเปรี้ยวเผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจ "Red Panda Wagyu Yum" วัตถุดิบทุกอย่างเหมือนจานก่อนเปลี่ยนเป็นทาจิมะวากิวย่างแทนก็ให้สัมผัสพร้อมกลิ่นเฉพาะตัวสุดแตกต่าง อีกหนึ่งเมนูลับซึ่งหลายคนมักมองข้ามไปเพราะเห็นว่าน่าจะเปลืองกระเพาะแต่มันกลับอร่อยที่สุดได้แก่ "Awabi Cream Salad" ผัดสดๆราดน้ำสลัดครีมตำรับชาวตะวันตกหวานมันผสมเครื่องสมุนไพรฝรั่งสับละเอียดใส่หอยเป๋าฮื้อกระป๋องเคี้ยวหนึบแช่เย็นสดชื่นลงไปจำนวนมากแม้จะเข้มข้นไม่รู้สึกเลี่ยนกระตุ้นให้อยากทานอีกครั้งนึง สุดท้าย "Red Panda Wagyu Salad" คล้ายยำชามก่อนแค่เปลี่ยนเป็นน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นรสชาติเค็มหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นโชยุน้ำมันงาแทนครับ
ปิ้งย่างสไตล์ดินแดนอาทิตย์อุทัยจะกินให้อร่อยยิ่งขึ้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือ "Japanese White Rice" ข้าวสวยญี่ปุ่นหุงสุกนุ่มเรียงเมล็ดสีขาวเปล่งประกายแวววาวสวยงามสายพันธุ์โคชิฮิคาริจากจังหวัดนีงาตะตักใส่ชามคีบพร้อมเนื้อวากิวจิ้มซอสยากินิคุสูตรเฉพาะของทางร้านแบบชุ่มฉ่ำก่อนนำเข้าปากคำใหญ่ ถ้ารู้สึกเริ่มเบื่อก็สามารถขอเปลี่ยนเป็น "Red Panda Garlic Rice" ข้าวผัดกระเทียมหอมเนยอ่อนๆปรุงรสชาติเค็มกลมกล่อมติดไหม้กระทะเล็กน้อยก่อนโรยต้นหอมซอยละเอียดพร้อมเสิร์ฟ หากต้องการซดน้ำซุปร้อนๆคล่องคอมีให้บริการเพียงแค่เมนูเดียวได้แก่ "Miso Soup" คัตสึโอะบูชิหรือแผ่นปลาโอตากแห้งผสมสาหร่ายคอมบุกรองจนใสอูมามิเพิ่มเต้าเจี้ยวละลายใส่เต้าหู้นิ่มและวากาเมะสดแบบเดียวกับภัตตาคารทั่วไป อยากทานยากินิคุแบบไม่รู้สึกผิดต่อสุขภาพมากนักต้องสั่ง หมวด Vegetable ชุดผักรวมทุกอย่างทั้ง "Green Cos" กรีนคอสใบใหญ่กรุบกรอบไม่ขม,เหม็นเขียวใช้ห่อกับเนื้อสัตว์แล้วราดน้ำจิ้มสไตล์เกาหลี / "Negi" ต้นหอมยักษ์หั่นท่อนใช้ไฟอ่อนนานๆยิ่งหวานตามธรรมชาติ / "Pumkin" ฟักทองเปลือกเรียบเนียนสายพันธุ์ญี่ปุ่นลูกเล็กเคี้ยวเหนียวหนึบ / "Garlic" กระเทียมจีนซึ่งผลด้านงานวิจัยว่าช่วยลดไขมันในเลือดได้ / "Onion" หัวหอมรูปทรงแว่นย่างนานยิ่งหวาน / "Eryngii" เห็ดนางรมหลวงคล้ายเนื้อสัตว์ / "Nasu" มะเขือม่วงชิ้นยักษ์ผ่านเปลวไฟเปลี่ยนจากสัมผัสแข็งเป็นนุ่มทานง่ายเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ดีครับผม
ระบบการย่างของทางร้าน "Red Panda Yakiniku" นั้นใช้เป็นแบบเตาถ่านกะลามะพร้าวอัดแท่งชนิดบริสุทธิ์เกรดความชื้นต่ำจึงให้การเผาไหม้หมดจดไฟแรงสูงสุดถึง 800 องศาเซลเซียสอย่างคงที่ตลอดเวลา เมื่อปิ้งพวกเนื้อวากิวกับซีฟู้ดต่างๆเพียงไม่นานนักก็สุกเกรียมแต่ยังคงความอร่อยชุ่มฉ่ำภายในเอาไว้อีกทั้งก่อควันน้อย/ไร้เขม่าสีดำติดอาหารจึงลดโอกาสเสี่ยงจากโรคมะเร็งและด้านล่างติดตั้งท่อแรงดูดสูงช่วยแก้ปัญหาเรื่องมีกลิ่นเกาะเส้นผมหรือเสื้อผ้าตัวเก่งได้อีกด้วย ช่วงแรกถ่านกำลังสีแดงส่งไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาจนรู้สึกแสบหน้าให้รีบๆลงเหล่าโปรตีนสไลซ์แผ่นบางก่อนค่อยตามด้วยวัตถุดิบจากทะเลไปจนถึง Grill Cup แล้ว Kushiyaki ซึ่งต้องใช้ไฟอ่อนผสมศิลปะการย่างตามลำดับอย่างใจเย็นเพราะอาจจะได้ทานของไหม้แต่ด้านในยังคงมีเลือดชุ่มฉ่ำ เมื่อถ้ารู้สึกว่าหน้าตะแกรงเหล็กเริ่มเห็นคราบตะกรันเกาะชั้นหนาอันเกิดจากน้ำตาลซอสหมักก็สามารถขอเปลี่ยนใหม่ได้ฟรีรวมถึงเรียกเขี่ยขี้เถ้าออกหรือเติมถ่านกี่รอบก็ไม่คิดเงินเพิ่มตลอด 90 นาทีเต็ม รวบรวมสมาธิบรรจงค่อยปิ้งอย่างจดจ่อวางพักให้หายร้อนอีกเล็กน้อยแล้วมาฟินโดยสลับน้ำจิ้มเปลี่ยนรสชาติได้ประสบการณ์ใหม่เรื่อยๆรับรองว่าสนุกเพลินไม่มีเบื่อแน่นอนครับ
น้ำจิ้มสูตรของทางร้าน "Red Panda Yakiniku" ปกติจะมีให้บริการเพียง 2 แบบได้แก่ 1. บาร์บีคิวหรือซอสยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นตำรับโฮมเมดซึ่งมีรสชาติและสัมผัสเข้มข้นกว่าภัตตาคารเจ้าอื่นๆเค็มโชยุ/หวานน้ำเชื่อม/ผสมขิงบดละเอียด/เหล้ามิรินกับสาเกประกอบอาหาร/น้ำมันงาอย่างเด่นชัดทราบเลยว่าปรุงเองอย่างแน่นอน เพิ่มพริกขี้หนูสด/กระเทียมสับ/บีบน้ำมะนาวเพียงเล็กน้อยก็อร่อยจัดจ้านถูกปากชาวไทยแม้จะเป็นสูตรดินแดนอาทิตย์อุทัยก็ตาม 2. ซีฟู้ดริมทะเลใส่พริก-กระเทียมแบบอัดแน่นไม่หวงวัตถุดิบหนักมะนาวสดเปรี้ยวอมหวานเผ็ดร้อนแซ่บสะดุ้งสะใจสามารถดัดแปลงไว้จิ้มเนื้อหรือหมูย่างแทนน้ำยำแก้เลี่ยนได้ดีทีเดียว อยากสัมผัสกลิ่นหอมตามธรรมชาติของทาจิมะวากิวคุณภาพสูงบนโต๊ะมีขวดเกลือชมพูหิมาลายันกับพริกไทยดำไว้บดด้านบนเหมือนสเต๊กเฮ้าส์อาจจะขอเลมอนผ่าซีกไว้บีบด้านบนปิดท้ายสัก 1-2 หยดเพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นพุ่งขึ้นจมูกนิดหน่อย เคล็ดลับสุดท้ายเมื่อออเดอร์เมนู "Iberico Pork Belly" ในชุดจะแถมวาซาบิดองเปรี้ยวไว้ทานคู่กันโดยปาดลงบนเนื้อสัตว์เผ็ดฉุนจี๊ดถึงสมองสไตล์ญี่ปุ่นแบบร้านหรูแถวทองหล่อ ส่วนเจ้า Kushiyaki เชฟหมักซอสจนเข้าที่แล้วเสียบไม้พร้อมปิ้งและฟินได้ทันทีครับ
ความแตกต่างระหว่างร้าน "Red Panda Yakiniku" สาขาพญาไทกับเกษตร-นวมินทร์นั่นก็คือขนมหวานปิดท้ายมื้อโดยเปลี่ยนจากมูสและแพนนาคอตต้าคนละถ้วยจำกัดเพียง 45 ที่แรกต่อวัน เป็นไอศครีมซอฟต์เสิร์ฟรวม 3 รสชาติเติมไม่อั้นได้แก่ 1. ซอฟต์ครีมฮอกไกโดมิลค์สูตรหวานน้อยกลิ่นหอมขึ้นจมูกคล้ายๆนมอัดเม็ด 2. ซอฟต์ครีมชาเขียวเข้มข้นพิเศษหวานน้อยตัดขมค่อนข้างรุนแรงแต่สำหรับชาว Matcha Lovers ตัวจริงแล้วมันดีต่อใจสุดๆ 3. ถ้ารู้สึกว่าอยากฟินแบบ 2 In 1 ให้ก็สั่งซอฟต์ครีมทูโทนซึ่งรวมสองรสชาติเอาไว้ในถ้วยเดียวกัน โดยวันนี้ผมมาทานกับพี่สาวสองคนออเดอร์อาหารหลายอย่างวางเต็มโต๊ะเลือกเฉพาะบุฟเฟ่ต์ระดับ Premium ราคาคนละ 699 บาท เมื่อบวก Vat.7% และ Service Charge 10% น้ำดื่มรีฟิลทุกๆอย่างแล้วเฉลี่ยแค่คนละ 863.50 เท่านั้น ภาพรวมยังคงประทับใจเพราะใช้ทาจิมะวากิวเกรดคุณภาพดีพร้อมปรับเมนูเพิ่มขึ้นหลายอย่างมากกว่าเดิมอีกทั้งสถานที่ใหม่แลดูกว้างขวางเปิดแสงไฟสว่างไสวหรูหราสวยงามเหมือนจำลองโรงแรมสไตล์เรียวกังญี่ปุ่นโบราณมาไว้ที่กลางห้างโครงการ Design Village อร่อย,คุ้มค่าเหมาะสมลงตัวแบบนี้รับคะแนนไปเลย 5 ดาวเต็มครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : ดีไซน์วิลเลจเกษตร-นวมินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 999 ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. 10230
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 098-836-5550
Facebook : https://www.facebook.com/RedPandaYakiniku
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Kommentare