รีวิว "Sanya"(ซันญ่า) ภัตตาคารญี่ปุ่นติด BTS พร้อมพงษ์ ปรุงโดยเชฟ"สัญญา"ที่มีประสบการณ์นานกว่า 20 ปี
- Food Addicts - เสพติดการกิน
- 16 ต.ค. 2563
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 16 ก.ย. 2566
มีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นร้านนึงเดินทางผ่านบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์เมื่อไรก็เจอป้ายร้านสีเหลืองโดดเด่นอยู่บนตึกฝั่งเดียวกับห้าง Emquartier มองเห็นได้ชัดจากสถานีทุกครั้ง ชื่อร้านว่า "Sanya Japanese Restaurant" ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจแต่พอผ่านบ่อยๆเข้าเกิดความอยากรู้จึงหารีวิวร้านในเว็บไซต์ต่างๆคะแนนอยู่ที่ 3.4-4.8 ดาวและติด 1 ใน 10 ร้านอาหารญี่ปุ่นแนะนำในกรุงเทพของ Trip Advisor โดยคะแนนรีวิวส่วนมากเป็นชาวต่างชาติถึง 95% เข้าไปดูใน Facebook ของที่ร้านคุณ "หมึกแดง" ก็มาฉลองวันเกิดที่ร้านนี้แสดงว่ามีดีไม่ธรรมดา เลยนัดกับแฟนผมมาทานอาหารด้วยกันที่นี่หลังเลิกงาน โดยร้านนี้เขาเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลาได้แก่ 11.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 24.00 น. (เห็นว่ากลางวันชุดอาหารราคาเริ่มเพียง 200 บาท) แต่บ้านอยู่ไกลเลยมามื้อเย็นกันครับ หากเดินทางมาด้วย BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินออกประตู 3 มองป้ายตามร้านสีเหลืองจะพบทางเข้าหน้าร้านติดกับ Family Mart ส่วนใครเอารถส่วนตัวมาภายในซอยสุขุมวิท 37 มีที่ให้จอดแต่จอดได้หลัง 19.00 น. เป็นต้นไปและมีที่จอดน้อยมากหรือไปจอดในห้างแถวนั้นเดินมาจะสะดวกที่สุดครับ มาถึงแล้วก็เข้าไปด้านในกันเลยครับผม
บรรยากาศภายในชั้นแรกเป็นเหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตกแต่งกึ่ง Steak House ใช้ไม้สีเข้มดูมีมนต์ขลังกับไฟดวงสีส้มให้ความสลัวๆดูน่านั่งนานๆแต่เป็นทางการหน่อย ชั้นที่ 2 เป็นห้องญี่ปุ่นมีเก้าอี้ไม้ให้พิงนั่งห้อยขาลงไปด้านล่างและมีฉากกั้นให้ความเป็นส่วนตัวในทุกที่นั่ง แต่ถ้ามากันเยอะๆและอยากได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดที่ชั้น 3 เขามีบริการห้องขนาดใหญ่พิเศษนั่งสังสรรค์กันได้ 20-30 คน กำแพงจุดต่างๆภายในร้านมีรูปเชฟสัญญาถ่ายรูปกับคุณหมึกแดงแปะเอาไว้ดูแล้วน่าจะผ่านมานานมากๆ คอลัมน์หนังสือพิมพ์สมัยก่อนที่ร้านนี้เคยได้ออกสื่อไม่ธรรมดาครับ
กลับมาที่โต๊ะเปิดดูเมนูต่างๆภายในร้านมีเฉพาะอาหารญี่ปุ่นแบบ Original แท้ๆจากหลายภูมิภาคญี่ปุ่นรวมอยู่ในร้านนี้ที่เดียว หน้าแรกคือความเป็นมาของที่ร้านสรุปความได้ว่า ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2004 (ตอนนี้ก็ 16 ปีแล้ว) เน้นขายอาหารญี่ปุ่นรสชาติดั้งเดิม เชฟใหญ่ของที่ร้าน "สัญญา" มีประสบการณ์ก่อนมาเปิดร้านนี้ในการทำอาหารญี่ปุ่น 20 ปี จึงเป็นที่มาของชื่อร้านว่า "ซันญ่า" (ถ้ารวมกับตอนที่เปิดร้านเท่ากับว่าตอนนี้เชฟมีฝีมือทางด้านอาหารญี่ปุ่นมายาวนานถึง 36 ปีแล้ว) ส่วนรายละเอียดอื่นๆเราไม่ลงลึกว่าจะสด-อร่อยแค่ไหนเดี๋ยวเราค่อยมาชิมกันครับ อาหารที่ร้านนี้มีขายหลายเมนูเริ่มจาก ซาชิมิ/ซูชิ/มากิโรล/กับแกล้ม/สลัด/ผัดผัก/เมนูย่าง-ต้ม-ทอด/ข้าว/เส้นจบที่เครื่องดื่มแบบร้าน Izakaya ส่วนราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นอื่นในย่านนี้ อีกทั้งราคาที่เห็นไม่ได้เปลี่ยนมา 16 ปีแล้วตั้งแต่เปิดร้าน นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารราคาพิเศษที่เปลี่ยนรายการทุกอาทิตย์/เมนูราคาพิเศษประจำเดือนรวมถึงยังมีแคมเปญพิเศษติดรอบร้านให้มากี่รอบก็สั่งทานได้ไม่มีเบื่อ ก็ถือว่าหลากหลายน่าสนใจดีครับ
น้ำดื่มที่นี่เป็นแบบรีฟีลมีให้เลือกเป็นชาเขียวกับชาจีนแก้วละ 60 บาท สั่งเติมได้เรื่อยๆและยังสามารถสลับกันก็ยังได้ นั่งที่โต๊ะแล้วบริการอย่างแรกที่จะได้รับคือผ้าเย็นหอมสดชื่นเอาไว้เช็ดมือ-เช็ดหน้าเพิ่มความกระปรี้ประเปร่าระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ โดยเชฟสัญญาประจำอยู่ที่ร้านตลอดและวันนี้เขาจะมาแสดงฝีมือในการแล่ปลาสดๆให้เราชมกัน นอกจากนี้เชฟยังบอกรายละเอียดความเป็นมาของร้านหลายอย่างให้ทราบมากมายคุยสนุกดีครับ
วันนี้ที่ผมมามีปลาสดๆมาส่งที่ร้านเตรียมเข้าตู้กระจกหลายรายการทั้งปลามากุโร่ Blue Fin ชิ้นใหญ่/ปลามากุโร่ Yellow Fin ชิ้นสีเข้ม/หมึกหอมสดๆตัวและตาใสแจ๋ว/ปลาฮามาจิตัวขนาดกลางๆนัยน์ตาใสเหงือกแดงแสดงถึงความสด/ปลาอาจิหรือปลาสีกุนบ้านเราคุณภาพดีไม่มีรอยชีดข่วนจากการลากอวก และเชฟสัญญาเป็นคนลงมือแล่เองทุกขั้นตอน พอเห็นแบบนี้แล้วแน่นอนว่าผมต้องสั่งเมนูที่ทำจากปลาเพิ่งนำเข้ามาวันนี้ลองชิมดูว่าจะดีแค่ไหนครับ ใครอยากมาทานวันที่ปลาใหม่เข้ามาแนะนำให้มาวันอ.และศ. บางทีอาจจะได้ทานปลาชนิดใหม่ที่ไม่มีในเมนูด้วยนะจ๊ะ
เมนูจานแรกคือ "Ika Sashimi" ราคา 250 บาท เป็นหมึกหอมตัวใหญ่สดๆที่เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้แล่แยกลำตัวกับหนวดมาหั่นเป็นเส้นยาวๆคล้ายกับโซเม็ง รสชาติหวานกรอบเด้งในปากถ้ายิ่งเป็นส่วนหนวดเด้งกรอบสู้ฟันสุดๆ ใครอยากทานหมึกสดแบบนี้แนะนำให้มาวัน อ. กับ ศ.กันนะครับ ติดใจเนื้อปลาหมึกแต่เดี๋ยวคุณแฟนจะเบื่อเลยก็สั่งเป็น "Sashimi Mori" ไซส์ S ราคา 750 บาท ต้องเตือนก่อนว่าซาชิมิรวมจานนี้กึ่ง Chef's Choice เพราะจะเสิร์ฟแต่ปลาที่มีในวันนั้น เห็นรูปในเล่มเมนูในจานนี้อาจจะไม่มีหรือเห็นในรีวิวนี้แต่พอมาทานอีกครั้งอาจจะไม่มีก็ได้ แต่เราจะรีวิวเฉพาะที่เสิร์มาวันนี้คือ ซาบะดองที่นี่ดองมาฉ่ำเนื้อไม่แห้งและไม่เค็มหรือเปรี้ยวจนเกินไปทำให้ไม่เบียดรสชาติแท้ของปลาซาบะ/ซาชิมิปลาหมึกอันนี้ข้ามไปเพราะเหมือนกับจานแรก/มากุโร่ Yellow Fin กลิ่นเลือดน้อย-ไม่คาวและแล่มาไม่ติดเอ็นตามฝีมือของเชฟ (ปลาชนิดนี้ถือว่าเป็นการวัดฝีมือเชฟเลยครับ)/เอนกาวะไม่เบิร์นไฟตอนแรกคิดว่าจะเลี่ยนจนทานไม่ได้แต่ที่นี่เคี้ยวกรอบไขมันน้อยแถมไขมันค่อยๆไหลออกมาไม่เหมือนเกรดบุฟเฟ่ต์ (คุณภาพดีคนละเรื่อง)/หอยเชลล์ตัวไม่ใหญ่มากแต่สดหวานหอมกลิ่นแบบหอยเชลล์ฮอกไกโดตากแห้งอ่อนๆอร่อยมาก/สุดท้ายก็คือแซลมอนแอตแลนติกลอกหนังไขมันแทรกกำลังดีเนื้อรสชาติเข้มข้นไม่มันเลี่ยนแบบนอร์เวย์คุณภาพดีอย่างเห็นได้ชัด
เมนูต่อไปใครกลัวหัวปลาบอกเชฟก่อนเสิร์ฟนะครับเพราะมันคือ "Aji Tataki" หรือยำปลาอาจิสดๆสับเป็นชิ้นเล็กคลุกต้นหอม/ขิงขูด/ผักชีฝั่งเสิร์ฟคู่กับเลมอน จะทานให้จิ้มพอนสึจะได้ความสดมันของปลาหอมเครื่องสมุนไพรสด/มีกลิ่นเปลือกเลมอนอ่อนๆผสมเข้ากับพอนสึได้กำลังดีราคา 250 บาท เมนูของสดยังไม่หมดแค่นี้ยังมีของโปรดแฟนผมในรายการพิเศษเลยสั่งมาอีกคือ"Nama Kaki Ponsu" เสิร์ฟ 3 ตัวราคา 250 บาท เป็นหอยนางรมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเนื้อแน่นหวานมันเป็นครีมทานคู่กับเลมอน/ไชเท้าขูดและต้นอ่อนไชเท้าก่อนจะราดด้วยซอสพอนสึรสเปรี้ยว-เค็มหอมกลิ่นยูสุกลมกล่อม เปรี้ยว/เย็น/สดชื่นกรุบกรอบผักสดที่ใส่ลงไปหอยเป็นเนื้อครีมนุ่มนวลลงตัว
หมดของสดมาต่อด้วยเมนูปรุงสุกอย่าง "Gindara" ราคา 280 บาท เป็นปลาหิมะกับหมักมิโสะรสหวานมันๆย่างเวลาทานก็บีบมะนาวสดลงไปเพื่อตัดรสชาติความมันของปลา ข้อดีของจานนี้ที่เห็นก่อนเลยคือขายราคาถูกกว่าร้านอื่น/มิโสะหมักมาเข้าเนื้อทำให้สีปลาสวยอยู่ (บางร้านเหมือนโบกมิโสะมา)/ย่างมามันไม่เยิ้มแถมตัวปลาเนื้อแน่นสดทานกับข้าวสวยคืออร่อยเข้มข้นทานข้าวได้เยอะเลยครับ หอยเมื่อกี้ที่ว่าอร่อยเชฟบอกว่ามีการทานแบบญี่ปุ่นแท้อีกอย่างที่อยากให้เราชิมเลยให้จัดมาคือ "Hotate Bata" ราคา 350 บาท เป็นหอยเชลล์ฮอกไกโดเกรดเดียวกับที่เสิร์ฟในชุดซาชิมิเมื่อกี้นำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำย่างกับมิโสะและเนยจนซึมเข้าเนื้อแบบรายการญี่ปุ่นที่เราเคยดูกัน หอยเชลล์รสหวานหอมยิ่งโดนย่างความหวานยิ่งควบแน่น ตัดกับรสเค็มนวลและความหอมของเนยได้ความอูมามิที่ลงตัวสุดๆ ไม่แปลกใจที่รายการทีวีญี่ปุ่นมักจะเป็นดาราได้ปลาสดมาชอบย่างกับโชยุ+เนย ขอบอกเลยว่าอร่อยโดนใจครับ
หมดช่วงเมนูที่ใช้วัตถุดิบราคาแพงมาชิมเมนูธรรมดาๆแต่มีความพิถีพิถันอย่าง"Curry Rice" ราคา 200 บาท เป็นแกงกระหรี่หมูที่ร้านบอกว่าเคี่ยวนานจนเนื้อหมูที่ใส่ลงไปสลายหายไปกลายเป็นซุปแกงกระหรี่สุดเข้มข้น เรามักจะเจอร้านที่ขายเมนูนี้ส่วนใหญ่ใช้ก้อนแกงกระหรี่สำเร็จรูปที่ผสมไขมันวัวแต่มาทานร้านนี้สบายใจได้เลย รสชาติของเครื่องต่างๆที่ใส่ลงไปทั้งผัก/เนื้อหมู/ผลไม้สูตรลับของเชฟเคี่ยวกันเป็นเวลานานจนออกมาเป็นแกงกระหรี่นี้ บอกไม่ถูกว่ารสชาติต่างกว่าร้านที่ขายแกงกระหรี่จริงๆได้ยังไง แต่ความกลมกล่อมหอมนวลแบบ Homemade ที่นี่ทำได้ดีเลยครับ เมนูต่อไปคืออาหารพื้นๆของชาวญี่ปุ่นคือ"Gyu niku Jaka" หรือเนื้อวัวต้มมันฝรั่ง เนื้อวัวที่ทางร้านเลือกใช้เป็นไทยเฟรนซ์ตุ๋นกับมันฝรั่ง/เส้นบุก/แครอทหั่นชิ้นต้มเรื่อยๆ ปรุงรสให้หวานเค็มกลมกล่อมปล่อยเวลาให้ผ่านไปจนซึมเข้าเนื้อ-น้ำงวดเข้มข้นก่อนจะท๊อบปิ้งด้วยถั่วลันเตาญี่ปุ่นลวกหวานกรุบกรอบสีเขียวสด เนื้อวัวนุ่มกลิ่นดีซุปก็เข้าเนื้อจะทานเปล่าๆหรือสั่งข้าวสวยมาทานคู่กับโดยใช้เมนูนี้เป็นกับข้าวถือว่าอร่อยและประหยัดในราคา 150 บาท
เมนูต่อไปไม่เคยทานแต่เห็นว่าร้านนี้มีเลยสั่งมาลองชิมคือ "Tonpei Yaki" หรือแซนวิชกระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่นด้านล่างสุดคือแป้งโอโคโนมิยากิแต่เนื้อเหนียวหนึบจนเกือบคล้ายแป้งโมจิ ท๊อบปิ้งด้วยหมูสันคอสไลด์บาง-ไข่เจียวแล้วราดด้วยซอสโอโคโนมิยากิ/มายองเนสและซอสมีกลิ่นคล้ายกับซอสพริกศรีราชาสูตรของที่ร้าน ให้ความหนึบๆ/ฉ่ำเนื้อหมู/หอมไข่ละมุนด้วยซอสที่ราดลงไป ถือว่าเป็นเมนูหาทานได้ยากในไทย แต่ที่นี่มีขายในราคาเพียง 180 บาทลองแล้วประทับใจดีครับ เมนูต่อไปก็เป็นจานอาหารธรรมดาๆอย่าง "Dashi Maki"หรือไข่ม้วนดาชิราคา 160 บาทเป็นไข่ม้วนแบบ Homemade ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำซุปปลาที่ให้ความหวานเค็มในตัวเวลาทานให้ใส่ไชเท้าขูดก่อนจะราดโชยุเพิ่มความเค็มอีกนิดเป็นรสเค็มอูมามิแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ใครเคยทานอาหารที่ญี่ปุ่นมาก่อนจะรู้เลยว่ารสชาตินี้แหละที่ใช่
เมนูต่อมาไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงโอกินาว่าก็ได้กินเมนู "Goya Chanpuru" หรือเต้าหู้ผัดมะระขี้นกสไตล์โอกินาว่า ราคา 140 บาท เป็นเต้าหู้เนื้อนุ่มนวลผัดกับมะระขี้นกและถั่วงอกเพิ่มความกรุบกรอบใส่โปรตีนเป็นไข่ไก่กับหมูผัดปรุงรสชาติมาเค็มอ่อนๆหอมกลิ่นกระทะ ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยปลาคัตสึโอะขูดบางเส้นใหญ่ได้ความกลมกล่อมครบรส ที่สำคุญคือมะระขี้นกไม่ขมมากอย่างที่คิด ถือว่าเป็นอาหารที่อร่อยและแปลกใหม่สำหรับผมดีครับ จานสุดท้ายนี้เห็นว่าขายถูกดีเลยสั่งมาชิมคือ"Oden" ราคา 150 บาท ให้มาถึง 6 ชิ้นพร้อมมัสตาร์ตรสอมหวานนิดไม่ฉุนจนแสบจมูก ในถ้วยประกอบด้วยลูกชิ้นปลาทอดผสมปลาหมึกสับ 2 ชิ้น ไข่ต้ม 1 ลูก เต้าหู้ทอดที่ด้านนอกกรอบฉ่ำซุปด้านในนุ่มนวลไร้กลิ่นสาบถั่วเหลือง 1 ชิ้น บุกก็เป็นแบบญี่ปุ่นต้มจนซึมน้ำซุปเข้าไปเคี้ยวนุ่มๆ 1 ชิ้น สุดท้ายไชเท้าต้มจนใสรสหวานซึมน้ำซุปปลาและผักเข้าไปจนได้ความอร่อยถึงขีดสุด ถือว่าอร่อยอิ่มอุ่นท้องและคุ้มราคามากๆเลยครับ

มื้อนี้มาทานกัน 2 คนสั่งไปเต็มโต๊ะเพราะมีเมนูที่อยากลองหลายอย่างรวมทั้งหมด 3,563 บาท (รวม Vat.อีก 7% ) รู้แล้วทำไมถึงร้านนี้ถึงได้คะแนนที่ค่อนข้างสูง เพราะหลายๆเมนูที่ไม่มีขายที่ร้านอื่นแต่มาที่นี่มีให้ทานเกือบทั้งหมด ปรุงรสชาติมาแบบญี่ปุ่นแท้ๆที่ใครเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นและคิดถึงรสชาติอาหารร้านนี้ก็ปรุงแบบเดียวกัน อีกทั้งใช้วัตถุดิบดี/ขายราคาไม่แรงมากนักเชฟก็ฝีมือดีสมกับสั่งสมประสบการณ์มานาน เว็ปไซต์รีวิวของต่างชาติจึงได้คะแนนสูงกว่าที่คนไทยรีวิวแบบไม่แปลกใจ เอาคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : (BTS พร้อมพงษ์ ทางออก 3) เลขที่ 661 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
เปิดให้บริการทุกวัน (หยุดทุกวันจันทร์) 2 ช่วงเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.
โทร. 02-260-4596
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments