วันเกิดคุณแม่แฟนผมทั้งทีต้องหาร้านอาหารที่พิเศษสักหน่อย โดยปีนี้เรามีโจทย์คือต้องเป็นร้านที่เน้นเมนูไทยอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ไม่ใช่ร้านกึ่งผับเปิดเพลงเสียงดัง/อาหารต้องอร่อยและราคาไม่แพงจนเกินไป ค้นหาเรื่อยๆจนพบกับร้าน"เสวย"สาขาท่ามหาราช การเดินทางถือว่าสะดวกดี ถ้ามาจาก BTS ลงสถานีสะพานตากสินแล้วต่อเรือด่วนธงสีส้มลงที่ท่าวังหลังนั่งเรือข้ามฝั่งมาท่ามหาราชแปปเดียว ส่วนบ้านคุณแม่แฟนผมอยู่ใกล้ๆวัดแจ้งหรือวัดอรุณฯ นั่งรถกระป๋องมาลงหน้าโรงพยาบาลศิริราชแล้วข้ามฝั่งมาก็ถึงแล้วจึงนัดเจอกันที่ร้านเลยทีเดียว ส่วนเราต้องสารภาพก่อนว่าไม่เคยทานอาหารของร้าน"เสวย"มาก่อน แต่คะแนนรีวิวเกือบทุกสำนักไม่ต่ำกว่า 4 ดาวและปัจจุบันมีมากถึง 8 สาขาแปลว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากมาถึงโครงการท่ามหาราชจากประตูหลักตรงถนนมหาราชให้เดินตรงมาขึ้นชั้น 2 จะเจอป้ายจุด Check Point ที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปจากนั้นเลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆจนเกือบสุดทางเดินจะพบกับร้านเสวย แต่ถ้ามาจากท่าเรือวังหลังจะสามารถมองเห็นร้านอยู่บนท่าเรือข้ามฟากได้อย่างชัดเจน เมื่อลงจากเรือแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆซ้ายมือจะมีทางขึ้นลิฟต์ไปยังตัวร้านเสวย (มีป้ายขนาดใหญ่บอกไม่ต้องกลัวหลงทาง) วันนี้เราเลือกเข้าร้านที่ชั้น 2 เพราะสวยกว่าชั้นแรกส่วนบรรยากาศจะดีไหมตามไปชมด้วยกันเลยครับ
ทางเข้าชั้น 2 เหมือนจะเป็นทางเข้าหลักของที่ร้านเพราะติดกับจุดชมวิวที่เป็น Signature ของโครงการและก็มีเพียงแค่ร้านอาหาร "เสวย" แห่งเดียวเท่านั้นที่มีพื้นที่ร้านติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็จะพบกับจุดตรวจอุณหภูมิและขวดเจลล้างมือแอลกอฮอล์ก่อนจะเข้าร้านตามมาตรฐาน New Normal ตอนแรกก็นึกว่าเป็นแค่การรักษาความสะอาดแบบเดียวกับร้านอาหารทั่วไปในช่วงการป้องกันเชื้อCovid-19 แพร่ระบาด แต่ที่นี่เขามีความเอาใจใส่มากกว่าที่ตาเห็น เพราะร้านมีประวัติมาเกือบ 50 ปีจึงใช้มาตรฐานสูงกว่าร้านอื่น จะมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
เดินเข้ามาเห็นพนักงานแต่งตัวอย่างมิดชิดและจาน-ช้อน-ส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะทุกชิ้นถูกห่อด้วยพลาสติกอย่างดีเพราะที่ร้านนี้เขาได้รับมาตรฐาน SHA หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration อยู่ในหมวดของร้านอาหาร ใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ > https://bit.ly/33YSA7o < มีมาตรการ 10 ข้อตามในป้ายสีแดงเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนที่ซีเรียสเรื่องความสะอาดในการทานอาหารนอกบ้านได้ระดับนึง โต๊ะอาหารภายในร้านมีทั้ง Outdoor ด้านนอกรับลมเย็นๆจากแม่น้ำเจ้าพระยาและ Indoor เปิดแอร์เย็นฉ่ำมีตั้งแต่โต๊ะสำหรับนั่งทาน 4 คนไปจนถึงครอบครัวขนาดใหญ่ เป็นร้านนี้เน้นครอบครัวอย่างแท้จริง ที่มาช่วงเย็นเพราะมีการแสดงดนตรีสดทุกวัน ศ.-ส. เริ่ม 18.15 ทุกโต๊ะริมแม่น้ำถูกจองหมดแล้วครับ
มาดูเมนูอาหารกันว่ามีอะไรให้เราทานบ้าง ? โดยเมนูในเล่มส่วนใหญ่ที่ขายในร้านเน้นไปที่อาหารไทยจีนและซีฟู๊ด หน้าแรกเป็นประวัติของทางร้าน"เสวย"เปิดมาตั้งแต่ปี 2515 ถ้านับมาถึงตอนนี้คือเกือบ 50 ปี เมนู Signature ที่ร้านจึงมีให้เลือกถึง 6 หน้าซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ สำหรับผมที่มาทานครั้งแรกยังไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรก็รู้สึกว่าตัวเลือกเยอะดีแสดงว่าสั่งเมนูไหนก็น่าจะอร่อย หมวดต่อไปในเล่มคืออาหารทาเล่นทั้งสลัด/ของทอดและหมี่กรอบโบราณ ราคาเริ่มต้นที่ 125-285 บาท อาหารจานหลักเป็นกับข้าวราคาเริ่มต้นที่ 170-450 บาท ปูดำหรือปูเนื้อก้ามโตๆราคาขีดละ 230 บาท กุ้งแม่น้ำอยุธยาตัวยักษ์ราคาตัวละ 850 บาท กุ้งแชบ๊วยราคาจานละ 345 บาท เมนูปลาหมึกราคาจานละ 260 บาท เมนูปลากระพงราคาตัวละ 450 บาท เมนูยำรสแซ่บ 150-200 บาท เมนูผัดผักราคา 140-170 บาท เมนูแกง-ต้มยำเสิร์ฟแบบหม้อไฟ 145-350 บาท เมนูอีสาน 130-180 บาท เมนูอาหารจานเดียว 110-165 บาท รวมแล้วถือว่าราคาไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงนักสำหรับราคาร้านอาหารติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาใจกลางกรุงเทพแบบนี้ ส่วนตัวถือว่ารับได้ถ้ารสชาติอร่อยไม่ทำให้เสียอารมณ์ ว่าแล้วสั่งอาหารกันเลยดีกว่าครับผม
สั่งอาหารไปแล้วยังมีเวลาเหลือเมื่อกี้ตอนเดินสำรวจร้านเพื่อหาประตูทางเข้าลงไปที่ชั้น 1 เห็นว่าโซนที่ใช้ย่างกุ้งแม่น้ำอยู่ตรงลิฟต์ทางเข้าพอดี กุ้งแม่น้ำที่ใช้รับรองว่าสดแน่นอนเพราะมีตู้วางกำลังว่ายน้ำอยู่ในร้าน ทุกตัวย่างด้วยเตาถ่านร้อนๆมองทะลุได้จากกระจกด้านนอก มีทั้งแบบตัวเล็กๆและตัวใหญ่ผ่าครึ่งมันกุ้งฉ่ำๆไหลออกจากหัว ทำให้ผมนั้นอดใจไม่ไหวต้องเดินไปบอกน้องพนักงานว่าออเดอร์กุ้งแม่น้ำเพิ่มหน่อย เห็นโต๊ะอื่นสั่งแล้วอยากทานบ้างครับ
เดินกลับมาที่โต๊ะเมนูง่ายๆมาเสิร์ฟก่อนคือ"ชุดส้มตำ/ไก่ย่าง/ข้าวเหนียวไซส์ S" ราคา 175 บาท ถือว่าถูกมากเพราะข้าวเหนียวไก่ย่างอย่างเดียวก็ราคา 175 บาทแล้วเหมือนได้ส้มตำมาทานฟรี ไก่เป็นส่วนสะโพกติดหนังย่างมาสุกฉ่ำเหรียมนิดๆหมักเครื่องเทศเข้าเนื้อ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสูตรอีสานรสหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะขามเปียกข้าวคั่วและสมุนไพรสดชื่น ข้าวเหนียวนึ่งหุงมาสุกเมล็ดสวยใส่ในกระติ๊บน้อยไว้ทานกับส้มตำไทยรสชาติเปรี้ยวอมหวานเส้นเย็นกรอบตามแบบฉบับคนกรุงเทพฯ มาคนเดียวแล้วสั่งแค่ชุดนี้ได้ทั้งความอิ่มอร่อยและประหยัดคุ้มค่ามากครับ
เมนูต่อมาถือว่าเป็นม้ามืดของวงการที่ร้านนี้ไม่เคยถูกเอาไปเปรียบเทียบกับร้านดังที่ไหนแต่ส่วนตัวขอยกให้เป็นอันดับ 1 ในใจนั่นคือ "เนื้อปูจัมโบ้ผัดผงกระหรี่" ราคา 450 บาท ทานเมนูนี้มาหลายร้านแล้วมองผ่านๆก็เหมือนกับร้านอื่นแต่จุดที่ทำให้เด่นสุดของร้านเสวยคือ เขาใช้กรรเชียงปูตัวใหญ่เนื้อแน่นหวานสดจากธรรมชาติไม่ต้องนำไปลงกระทะทอดเพื่อให้เนื้อปูกระชับสู้ฟันแบบร้านอื่น เนื้อไข่นุ่มละมุนกำลังดีไม่มันเลี่ยนนมข้นจืด/น้ำมันพริกเผามากเกินไป มีกลิ่นกระทะหอมผงกระหรี่และผักให้รสหวานผัดมาสไตล์ไทยทำให้รสชาติเข้มข้นแต่ทานได้เรื่อยๆไม่เหมือนสูตรร้านอาหารจีน ถ้าเทียบกับเจ้าดังตรงถนนบรรทัดทองหรือซอยรางน้ำครอบครัวผมลงความเห็นไว้แล้วว่าร้านนี้เป็นที่ 1 ในใจตอนนี้แล้วครับ จานต่อมาคุณแม่แฟนผมเป็นคนใต้แต่อายุมากแล้วทานเผ็ดไม่ได้เห็นว่ามีเมนูนี้เลยสั่งมาแทนผัดเผ็ดเครื่องแกงสะตอหมูซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้านเช่นเดียวกันคือ "ผักเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ" บ้านผมใบเหลียงนำผมผัดไข่ปรุงรสหวานเค็มเพิ่มความกรุบกรอบด้วยกุ้งแห้งทอดหรือกุ้งเสียบแบบปักษ์ใต้ อร่อยทานกับข้าวสวยได้ดีแต่ต้องรีบทานหน่อยเพราะเมื่อเย็นแล้วกุ้งเสียบจะดูดน้ำเข้าไปทำให้เหนียวขึ้นมาอีกนิด ไม่เป็นมิตรต่อคนจัดฟัน
เมนูต่อมาเป็นอาหารจีนอย่าง "กรรเชียงจ๊อปู 6 ชิ้น" ราคา 360 บาท ตกชิ้นละ 60 บาท ตอนแรกก็คิดว่าแพงแต่พอมาเสิร์ฟจริงๆแล้วมันคือกรรเชียงปูตัวใหญ่ทั้งขาห่อด้วยหมูผสมกุ้งสับปรุงรสและฟองเต้าหู้ทอดจนกรอบ จิ้มทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยรสเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นบ๊วยสดชื่นสีดำเข้มไม่เหมือนร้านไหน กัดไปได้สัมผัสของกรรเชียงปูทั้งขาแบบเต็มๆคำไม่เหมือนร้านอื่นที่มักจะเอาเศษปูมายัดตรงกลาง ถือว่าดีเกินคาดมากๆครับ มากันเป็นครอบครัวจะขาดเมนูสามัญอย่างจานนี้ไปไม่ได้ "ปลากระพงทอดน้ำปลา" ราคา 450 บาท เป็นปลากระพงทอดทั้งตัวไม่ใหญ่ยาวแต่เนื้ออ้วนหนาแผ่มาเป็นผีเสื้อทอดจนกรอบถึงตรงก้างพุงปลา เสิร์ฟแยกกับซอสน้ำปลารสหวานเค็มถ้วยใหญ่ราดลงบนปลาร้อนๆได้แบบสะใจฉ่ำน้ำปลาทุกอณู ยำมะม่วงที่เสิร์ฟมาในชุดเน้นรสหวานนำอมเปรี้ยวเผ็ดเล็กน้อยๆ หากใครชอบความแซ่บแนะนำว่าให้สั่งน้ำจิ้มซีฟู๊ดมาทานคู่กันดีกว่า เนื้อสดแน่นมีกลิ่นไขมันหอมๆแบบฉบับปลากระพงดีตรงที่ให้ซอสน้ำปลามาราดเองแบบไม่หวงของ โดยรวมแล้วอร่อยสมกับเป็นเมนูสามัญประจำครอบครัวดีครับ
กุ้งแม่น้ำที่เราไปจ้องตรงเตาย่างถ่านเมื่อกี้มาเสิร์ฟตอนท้ายสุด จานแรกเป็น"กุ้งก้ามกราเผาไซส์ L"1 จานเสิร์ฟ 10 ตัวราคา 1,000 บาท ราคาถือว่าเอาเรื่องแต่ทุกตัวมีมันและไข่อัดแน่นทุกตัว ฝีมือการย่างกุ้งของพนักงานที่ร้านนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะไม่มีเขม่าควันลงไปในตัวกุ้งเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งย่างมาสุกฉ่ำกำลังดี เคี้ยวเข้าไปแล้วเด้งละลายในปากไม่รู้สึกถึงกล้ามเนื้อเส้นๆของกุ้งแม่น้ำเลยแม่แต่น้อย ทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสหวานอมเปรี้ยวมีกลิ่นพริกขี้หนูสวนและกระเทียมไทยฉุนขึ้นจมูกสะใจในทุกๆคำ เรียกได้ว่า 1,000 บาทที่จ่ายไปร้านไม่ได้ให้แค่กุ้งแม่น้ำแต่ให้ฝีมือการย่างชั้นดีช่วยอัพเลเวลความอร่อยของวัตถุดิบได้ดีมากครับผม และจานถัดไปสั่งมาเพื่อเซอร์ไพรส์เจ้าของวันเกิดแทนเค้กนั่นก็คือ "กุ้งแม่น้ำเผาทั้งตัว" ราคา 850 บาท ดูจากไซส์ที่นำมาเสิร์ฟแล้วประมาณ 3-4 ขีด ย่างมามันหัวเยิ้มเนื้อขาวสุกฉ่ำไว้ทานคู่กับมะนาวซีกหรือน้ำจิ้มซีฟู๊ดเลือกได้ตามใจ เท่าที่สังเกตกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ของที่ร้านนี้เขาเน้นมันที่หัวเยอะทุกตัวแบบไม่ต้องสุ่ม เนื้อแน่นกรุบกรอบเคี้ยวเต็มปากเต็มคำตามแบบฉบับกุ้งแม่น้ำอยุธยาแบบไม่ต้องไปไกลถึงต้นกำเนิดก็ได้ความอร่อยระดับเดียวกัน ตัดแบ่งกุ้งแม่น้ำทานคนละนิดหน่อยๆก็ถือว่าฟินห์แล้วครับ
ส่วนเครื่องดื่มนอกจากน้ำเปล่าขวดละ 25 บาทแล้วเรายังขอให้น้องพนักงานแนะนำมาอีก 3 แก้วคือ "น้ำคะน้าปั่น" แก้วละ 60 บาท ตอนแรกคิดว่าคงเหม็นเขียวน่าดูแต่มันไม่ใช่แบบที่คิด ถ้าคุณเคยทานคะน้าฮ่องกงก้านเล็กแต่เนื้อหวานกรอบที่นี่ก็น่าจะใช้แบบเดียวกัน ปั่นรวมกับเลมอนรสเปรี้ยวอมหวานดื่มง่ายได้สุขภาพดี เมนูนี้เห็นว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเสวยสาขาที่อยู่บนห้างใกล้กับฟิตเนสมากๆพอได้ดื่มแล้วก็ไม่แปลกใจเลยครับ เมนูต่อมาก็คือ "อันดามัน"ราคา 90 บาท ที่ด้านล่างของแก้วเป็นเหมือนนมเปรี้ยวผสมกับน้ำหวานรสผลไม้เปรี้ยวๆให้อารมณ์แบบ Tropical เม็ดแมงลักเคี้ยวกรุบๆเย็นสดชื่นเหมือนนั่งทานน้ำผลไม้อยู่ริมทะเลแต่เรามาทานริมแม่น้ำเจ้าพระยาแทน ส่วนแก้วสุดท้ายคือ "กระเจี๊ยบซาสี่" ราคา 90 บาท เป็นน้ำอัดลมกลิ่นรูทเบียร์โบราณยี่ห้อซาสี่ผสมกับความเปรี้ยวของกระเจี๊ยบได้ความเย็นซ่าอมเปรี้ยวลงตัวเอาไว้ดื่มหลังจากทานอาหารรสชาติหนักหน่วงให้ความสดชื่นดีมากครับ
นั่งรับประทานอาหารไปเรื่อยๆการแสดงดนตรีสดก็พร้อมแล้ว โดยจะมีทุกศุกร์และเสาร์ 2 รอบ เวลา 18.15 - 19.00 น. พัก 15 นาที แล้วเริ่มอีกครั้งเวลา 19.15 - 20.00 น. นั่งฟังเพลงเบาๆพระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้ามองเห็นเรือวิ่งไป-มาระหว่างท่าเรือวังหลังและท่าเรือมหาราชแบบเพลินๆ ไม่ว่าจะมาทานอาหารเป็นครอบครัวหรือคู่รักเจอบรรยากาศสวยงามแบบนี้เข้าไปรับรองว่าประทับใจอย่างแน่นอน แต่อย่างลืมรีบโทรจองนะครับคิวเต็มเร็วมากๆ
เริ่มอิ่มแล้วสั่งของหวานมาทานเป็น "บัวลอยเสวยทรงเครื่อง" ราคา 85 บาท เป็นบัวลอยเผือกเนื้อเหนียวหนึบสู้ฟันในน้ำกะทะเสิร์ฟพร้อมกับไอศครีมกะทิรสหวานมันกำลังดี ตัดความเลี่ยนด้วยความหอมและสัมผัสกรุบกรอบๆของข้าวตังไม่เหมือนใคร ได้ทั้งความเย็น/เคี้ยวหนึบ/หอมมันและกรุบกรอบในคำเดียวกัน เป็นของหวานที่ไม่เหมือนร้านไหนประทับใจมากครับ เมนูสุดท้ายก็สร้างความประทับใจไม่แพ้กันนั่นคือ "มะพร้าวเสวยทรงเครื่อง" ราคา 180 บาท มันคือการนำ 2 เมนูมาผสมผสานกันจนได้ความอร่อยรูปแบบใหม่ ภายในลูกมะพร้าวคือบัวลอยสอดไส้ถั่วแดงลูกใหญ่ที่ไส้ด้านในกวนมาละเอียดแป้งด้านนอกเหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำกะทิผสมเนื้อมะพร้าวกะทิชิ้นใหญ่เนื้อมันเข้มข้นจนเหมือนกับเคี้ยวแป้งโมจิ ท๊อปปิ้งด้วยไอศครีมรสวนิลาก่อนทานให้ราดเอสเพรสโซ่ลงไป นี่คือการรวมร่างของเมนูไทยอย่างบัวลอยและเมนูฝรั่งอย่าง Affogato กลิ่นของกาแฟสดผสมไอศครีมวนิลาให้ได้ความหอมแบบคาราเมลเข้ากันได้ดีกับกะทิและบัวลอยกับมะพร้าวชิ้นใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม รสหวานกำลังดีทานได้หมดลูกไม่มีเลี่ยนครับ
มื้อนี้มาทานทั้งหมด 4 คน ค่าอาหาร 4,318 บาท รวม Service Charge อีก 10% ก็เป็น 4,749 บาท ตกคนละ 1,187 บาท สำหรับโอกาสมื้อพิเศษแบบนี้ถือว่าราคาพอกันกับยกครอบครัวไปทานที่บุฟเฟ่ต์ริมแม่น้ำในโรงแรมหรูแต่ได้ทานวัตถุดิบคุณภาพดีพร้อมกับรสชาติที่ดีกว่า อีกทั้งผู้สูงอายุมาทานบุฟเฟ่ต์ยังไงก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ส่วนตัวคิดว่าร้าน"เสวย"สาขาท่ามหาราชปรุงรสอาหารทุกจานมาอร่อยดี ประทับใจทั้งของคาว-ของหวานแบบนี้ รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไป 5 ดาวเต็มเลยจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟
ทานอาหารเสร็จแล้วเดินลงลิฟต์หรือบันไดตรงหน้าครัวเผากุ้งมาที่ชั้น 1 จะพบกับทางเข้าร้านอีกทางมีรูปเพ้นท์แบบเดียวกับหน้าเล่มเมนูแต่ลงสีสันสดใสสวยงามเหมาะสำหรับแวะเข้ามาถ่ายรูปเช็คอินลง IGได้เก๋ๆ เวลานี้บริการท่าเรือข้ามฟากระหว่างวังหลังกับมหาราชก็หมดช่วงให้บริการแล้ว สามารถเดินลงมาถ่ายรูปหน้าร้านได้จากที่ท่าเรือคิดว่าถ้าแวะมาตอนกลางวันหรือใกล้ๆพระอาทิตย์ตกน่าจะสวยมากกว่านี้ ตอนนี้อิ่มและดึกแล้วกลับบ้านดีกว่าครับ
พิกัด : ตึก G ท่ามหาราช ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 086-341-8472
Facebook : https://www.facebook.com/savoeyrestaurant/
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Bình luận