ห่างหายกันไปนานพอสมควรสำหรับร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ระดับตำนานกับเนื้อสไลด์บางเฉียบจนสามารถมองทะลุถึงก้นถาดจึงถูกล้อเลียนเป็นเรื่องพูดคุยเล่น,สนุกสนานบนโลกออนไลน์สักพักหนึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการ Coco Walk ติด BTS สถานีราชเทวีแห่งเดิมยาวนานกว่า 13 ปีนั่นก็คือ "Shuba Shabu" ซึ่งปัจจุบันได้ปรับไลน์อาหารใหม่ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากกว่า 50 รายการ เริ่มต้นแค่คนละ 299 บาท++ ช่วยดึงดูดให้เราอยากกลับมารีวิวอีกครั้ง อ่านบทความเมื่อ 2 ปีก่อนได้ที่ลิงก์นี้ >> https://bit.ly/39sA3XQ << สำหรับวิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดขับตามแผนที่บนมือถือจอดในโครงการ Coco Walk ฟรี 4 ชั่วโมงแรก (แต่อย่าลืมนำบัตรไปประทับร้านหลังกินเสร็จ) ถ้าเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะใช้รถไฟฟ้า BTS แล้วลงสถานีราชเทวีประตูทางออก 4 โดยเราสามารถมองเห็นตัวร้านได้อย่างเด่นชัดตั้งแต่บนชานชาลาก็มุ่งหน้าเดินตรงมายังจุดหมายได้เลย ป้ายไฟข้างหน้าใช้สีส้มสลับสีดำเป็นธีมหลักช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แลดูโดดเด่นแปลกตากว่าร้านอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งวันนี้ผมกับแฟนรีบมากันตั้งแต่เพิ่งเปิดใหม่ๆเพื่อลดโอกาสการกดชัตเตอร์แล้วติดหน้าลูกค้าท่านอื่นๆให้น้อยที่สุดนั่นเองครับ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับบรรยากาศร้านปลอดโปร่งโล่งสบายเนื่องจากตั้งอยู่ตรงริมถนนสัญจรหลักภายในโครงการ Coco Walk ซึ่งด้านนึงเน้นบานกระจกขนาดใหญ่เรียงยาวตลอดทั้งแนวช่วยรับแสงจากธรรมชาติเข้ามาดูสว่างสดใสตลอดทั้งวัน พื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองห้องหลักกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนตรงกลางพร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่หลายตัวและพัดลมเย็นชุ่มฉ่ำปอด โดยโซนแรกจะติดกับเคาน์เตอร์ครัวกลางซึ่งพนักงานใช้ในการรับ,ส่งวัตถุดิบกระจายไปยังจุดต่างๆ ส่วนโต๊ะเลือกขนาดกลางๆขึ้นโครงด้วยสแตนเลสกับแผ่นพลาสติกลายไม้ทำความสะอาดง่าย,ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค/เก้าอี้นั่งสไตล์โมเดิร์นเน้นโอบรับสรีระสีส้มสลับสีดำตามธีมหลักของทางร้านสามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 2-4 คน ถ้ามาฉลองพร้อมเพื่อนหรือครอบครัวกลุ่มใหญ่มากๆขอแนะนำโซนด้านหลังมีโซฟายาวบุหนังเทียมสีดำตลอดทั้งแนวซึ่งเราสามารถลากโต๊ะมานั่งกินชาบูด้วยกันแบบไม่มีรอยต่อได้สูงสุดถึง 20 คนเลยทีเดียว สำหรับปลายทางข้างในสุดนั้นจัดเป็นโซนไลน์อาหารอุ่นร้อน,เครื่องดื่มรีฟีลให้เดินเข้าไปตักด้วยตัวเองและเลี้ยวขวาคือประตูทางเข้าห้องน้ำไม่ต้องใช้รวมกับของโครงการซึ่งบรรยากาศค่อนข้างน่ากลัวครับ
สำหรับรายการอาหารถูกปรับขึ้นราคาจากเดิม 279 บาท++ เป็น 299 บาท++ แต่ก็เพิ่มวัตถุดิบสด-พร้อมทานต่างๆมาให้เราสั่งอีกหลายอย่างมากกว่า 50 เมนูทั้งเนื้อหมู,เนื้อวัว,อกไก่สไลด์บาง,ผักสด,ลูกชิ้น,ข้าวกับเส้น,เหล่าซีฟู้ด,เมนูกินเล่น,เครื่องดื่มรีฟีล,ผลไม้สด,และไอศครีม พิเศษชีสกับยำสาหร่ายเมื่อก่อนต้องจ่ายเพิ่มจานละ 39 บาทตอนนี้ถูกรวมในราคาบุฟเฟ่ต์เรียบร้อย น้ำซุปมีให้เลือก 4 สูตรเหมือนเดิมนั่นคือชาบูออริจินอล,ชาบูน้ำดำ,ต้มยำกับหมาล่าซึ่งเมื่อก่อน 1 น้ำซุปจำกัดลูกค้า 4 ที่ถ้ามา 5 คนขึ้นไปจึงจะสามารถสั่งซุปชาบูช่องที่ 2 ได้ฟรี จากปกติราคาซุปละ 50 บาท ตอนนี้เขาปรับใหม่ให้ลูกค้าเริ่มต้น 2 น้ำซุปทันที ยกเว้นอยากอัปเกรดเป็นหม้อ 4 ช่องใหม่ล่าสุดจ่ายเพิ่มอีกเพียงเตาละ 29 บาท สำหรับเงื่อนไขการทานบุฟเฟ่ต์อยู่ที่หน้าหลังถึง 3 ภาษามีทั้งไทย,อังกฤษและจีน จำกัดเวลาในการทาน 90 นาทีเช่นเคย (ส่วนเงื่อนไขอื่นๆสามารถอ่านได้จากในรูป) โดยวิธีการสั่งใช้ระบบเขียนเลขโต๊ะกับจำนวนแต่ละวัตถุดิบที่ต้องการลงในช่องว่างจากนั้นยื่นให้น้องพนักงานมาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว-ทันใจดีครับผม
ระหว่างกำลังรอวัตถุดิบต่างๆที่สั่งไปยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะก็ขอเดินสำรวจพร้อมตักอาหารพร้อมทานในไลน์ด้านในสุดของร้านเริ่มต้นด้วยของทอดชวนกินเพลินๆ 4 อย่างทั้ง ปลาทิพย์หรือเนื้อปลาชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบนอกนุ่มใน/กุ้งระเบิดหรือลูกชิ้นกุ้งคลุกด้วยมันฝรั่งหั่นเต๋าทอดกรอบรูปลักษณ์คล้ายๆลูกระเบิด/เกี๊ยวกรอบสีเหลืองไม่มีไส้อะไรทั้งสิ้นเน้นความกรุบกรอบเป็นหลักและเกี๊ยวซ่าทอดสอดไส้ไก่ปรุงสไตล์ญี่ปุ่นวางอยู่ในถาดสแตนเลสอุ่นๆใต้ไฟสีส้มให้พร้อมทานอยู่ตลอดเวลา สำหรับน้ำจิ้มปรับเปลี่ยนได้เองถึง 4 สูตรนั่นคือ ซอสมะเขือเทศหวานอมเปรี้ยว,น้ำจิ้มไก่สไตล์ไทยแท้,น้ำจิ้มบ๊วยเหมือนกับภัตตาคารอาหารจีนและน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่ารสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อมตามแบบฉบับญี่ปุ่น ก่อนตักอย่าลืมล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์พร้อมสวมถุงมือพลาสติกทั้งสองข้างก่อนเป็นอันดับแรก โดยทางร้านได้แบ่งโซนไว้สำหรับวางจาน-ถ้วยใส่น้ำจิ้มและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆเอาไว้ให้อย่างครบถ้วนครับ
ส่วนหม้อตุ๋นร้อนเมื่อก่อนจะเป็นแกงกะหรี่ตลอดๆแต่วันนี้ถูกสลับเปลี่ยนแทนด้วย "บูตะคาคูนิ" หรือหมูสามชั้นต้มซีอิ๊วสไตล์ญี่ปุ่นแท้หั่นชิ้นใหญ่เต็มคำใส่มันฝรั่งกับแครอทปรุงรสชาติออกหวานนำเค็มกลมกล่อมตุ๋นนานจนเปื่อยละลายในปากเวลาเคี้ยว ในอนาคตอาจมีเมนูอื่นเข้ามาแทนยังไงถ้าอยากทานมากพิเศษรบกวนโทรสอบถามตรงก่อนแวะเข้ามานะครับ และรายการอาหารใหม่ล่าสุดซึ่งเพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาในไลน์บุฟเฟ่ต์นั่นคือ "Sushi Bar Omakase" หรือซูชิบาร์สูตรตามใจเชฟเพราะแต่ละวันได้ถูกเปลี่ยนหน้าวัตถุดิบไปเรื่อยตามไอเดียของพ่อครัว แต่เราได้สอบถามน้องพนักงานเรื่องหน้าพื้นฐานซึ่งยึดถือว่าต้องมีให้บริการตลอดเวลาได้แก่ ซูชิหน้าหมูย่างราดซอสเทอริยากิ/ซูชิหน้ากุ้ง/ซูชิหน้าไข่หวานญี่ปุ่นกับซูชิหน้าปูอัด นอกนั้นถูกยกมาเสิร์ฟให้ดูเต็มแน่นตู้ตลอดเวลาส่วนใหญ่จะเป็นมากิราดไข่กุ้งผสมมายองเนสชุ่มฉ่ำปรุงรสข้าวซูชิหวานอมเปรี้ยวกินง่ายโดยแทบไม่ต้องจิ้มโชยุวาซาบิเลยก็ยังอร่อย อย่ามัวแต่เลือกตักเพลินเพราะถ้าเหลือปรับชิ้นละ 30 บาทแล้วเผื่อพื้นที่กระเพาะไว้ให้ชาบูสุดแจ่มของทางร้านด้วยนะครับผม
สำหรับเครื่องดื่มรวมในราคาบุฟเฟ่ต์เรียบร้อยแล้ววางเป็นตู้รีฟีลให้เดินมากดด้วยตนเองทั้ง น้ำเปล่า/เก๊กฮวย/ชาเขียว/พั้นซ์หรือผลไม้รวมของ Omix ส่วนตู้น้ำอัดลมใช้เป็นของเป๊ปซี่ทั้งโคล่า/เซเว่นอัพ/ลิปตันชามะนาว/น้ำแดงรสสตรอว์เบอร์รี่/และโคล่าสูตรใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล พร้อมเครื่องผลิตน้ำแข็งแบบทำเองจึงดูสะอาดกว่าสั่งเป็นกระสอบเทมาใส่ถังเก็บความเย็นส่งตรงจากโรงงานกับหลอดพลาสติกวางให้บริการอยู่ข้างๆกัน โดยทางร้านจะแจกให้เพียงคนละ 1 แก้วเท่านั้นทำจากพลาสติกใสบางๆซึ่งเราสามารถกดน้ำเพื่อนำไปดื่มต่อข้างนอกตอนเช็กบิล แล้วได้อีก ถ้าต้องการจะเปลี่ยนชนิดของเครื่องดื่มแนะนำว่าดูดให้หมดก่อนเติมใหม่หรือลองกดแค่อย่างละนิดหน่อยลองชิมด้านหน้าตู้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือกเฉพาะรายการที่ชอบมากเพียงอย่างเดียวเพื่อช่วยลดวิกฤตขยะอาหารในปัจจุบัน หากคุณเป็นคนที่ชีวิตนี้ขาดแอลกอฮอล์จากมื้ออาหารไม่ได้เขาก็มีให้บริการถึง 4 ยี่ห้อหลักในประเทศไทยราคาขวดใหญ่ขนาด 620 ม.ล. ราคาเริ่มต้นที่ 100-120 บาท แช่ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำพร้อมบริการอยู่เสมอครับผม
เนื้อสัตว์ต่างๆสไลด์บางเฉียบระดับ 0.1 มิลลิเมตรจนสามารถมองเห็นทะลุถึงก้นถาดซึ่งถือว่าเป็น Signature ของทางร้านมาอย่างยาวนานกว่า 13 ปีเพียงแค่ถ่ายรูปก็ทราบได้ทันทีว่าอยู่ที่ "Shuba Shabu" แน่นอนเรียงเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เริ่มต้นกันด้วยถาดสีน้ำตาลลายไม้คือ "เนื้อติดมัน" ส่วนเนื้อแดงมีไขมันระดับปานกลางพอเคี้ยวสนุกๆกลิ่นหอมระดับเบาบางกินง่าย / ถาดวงกลมสีแดงคือ "เนื้อใบพาย" ส่วนแทรกไขมันละเอียดสวยงามราวกับก้อนหินอ่อนสีชมพูนุ่มละมุนสลายไปในปาก / ถาดวงกลมสีดำสนิทก็คือ "เนื้อริปอาย" ส่วนไขมันน้อยที่สุดแต่ให้รสชาติเข้มข้นจึงเคี้ยวสนุกได้เรื่อยๆเมื่อเทียบกับสองถาดที่แล้ว สำหรับหมูเลือกได้ตามระดับความนุ่มทั้งหมด 3 ส่วนนั่นคือ "เบคอนสด" หรือหมูสามชั้นไม่ผ่านการรมควันเลือกชิ้นที่มีปริมาณเนื้อกับไขมันสมดุลสวยงาม / "สันคอหมู" เนื้อสีชมพูอ่อนแทรกไขมันกำลังดีเด้งดึ๋งสู้ฟันถือเป็นวัตถุดิบสามัญประจำทุกร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู แต่เนื่องจากความสามารถในด้านการสไลด์บางเฉียบจึงสามารถซึมซับรสชาติของซุปกับน้ำจิ้มได้ดีกว่าเดิม / "สันนอกหมู" ปริมาณไขมันเกือบ 0% เหมาะสำหรับคนต้องการใช้โปรตีนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อจำนวนมาก อีกถาดเราไม่ได้สั่งมาแต่ครั้งก่อนเคยกินแล้วนั่นก็คือ "อกไก่" เพียงคีบลงลวกลงในหม้อซุปเดือดพล่านๆแค่ไม่กี่วินาทีก็ได้ทานอกไก่นุ่มสุดคลีนและดีต่อสุขภาพครับ
วัตถุดิบชุดถัดมาคือหมวดซีฟู้ดต่างๆทั้ง "ปลาดอรี่" หั่นเสิร์ฟชิ้นโตๆสีขาวล้างสะอาดไร้กลิ่นเหม็นหรือเมือกคาวอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวหากเตรียมการไม่ดี / "ปลาหมึกบั้ง" หรือบางคนเรียกว่าปลาหมึกปลอมซึ่งจริงๆแล้วทำมาจากปลาหมึกฮัมโบล์ตตัวยักษ์หั่นบั้งเป็นสับปะรดแช่แข็งก่อนส่งออกมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบอเมริกาใต้ เพราะคนแถบนั่นเขาไม่นิยมกินกันจึงต้องส่งมาขายทางแถบเอเชียถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดหนึ่งสัมผัสตอนเคี้ยวเหนียวหนึบหนับไร้รสชาติจึงต้องต้มนานๆให้น้ำซุปซึมซับเข้าไปจนอร่อยยิ่งขึ้น / "กุ้งสด" ตัวขนาดกลางดึงหัวทิ้งปอกเปลือกเหลือไว้แต่ปลายหางผ่านกระบวนการพิเศษทำให้กรอบเด้งแบบกุ้งแก้วในภัตตาคารจีนชั้นนำ / "หอยแมลงภู่ดำ" นำเข้าจากประเทศชิลีตัวใหญ่เนื้อมันแน่นเต็มฝาต้มนานก็ไม่หด พร้อมของสดอื่นๆอย่าง "ตับหมู" ชิ้นใหญ่เนื้อเด้งเพียงลวกแค่ให้พอสะดุ้งก็ทานได้เพลินๆ / "ปูอัด" เกรดค่อนข้างดีผสมแป้งน้อยต้มลงในหม้อชาบูหรือทานแบบซาชิมิจิ้มโชยุใส่วาซาบิก็อร่อย / "อูด้ง" เส้นไม่อ้วนหนาเท่าของจากร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆแต่เรามีเทคนิคคือเทลงต้มในน้ำดำใช้เวลานานหน่อยช่วยให้รสชาติของซุปซึมเข้าไปจะได้เมนูอูด้งร้อนเหมือนอิซากายะย่านสีลม,ทองหล่อ / "หมูบดข้าวโพด" หรือบูตะคอร์นทำจากบะช่อเด้งผสมเมล็ดข้าวโพดหวานปั้นเป็นก้อนก่อนโยนลงหม้อได้อารมณ์แบบลูกชิ้นสดปั้นมือครับ
ลูกชิ้นต่างๆมีให้สั่งมากมายแต่เราจับรวมถาดกันอย่างละนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ดูเยอะจนเกินไปทั้ง "ลูกชิ้นปลา" สีขาวทรงกลมเด้งสู้ฟันเหมือนอยู่ในชามของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง / "ลูกชิ้นกุ้ง" ผ่านกระบวนการทอดมาแล้วครั้งนึงจึงมีช่องว่างให้น้ำซุปไหลเข้าไปรสชาติเข้มข้นกว่าเดิม / "ลูกชิ้นเศรษฐี" เนื้อปลาบดผสมผักรวมปั้นทอดจนสีเหลืองอมน้ำตาลสวยงามเนื้อเด้งหวานหอมกลิ่นผักผ่านน้ำมัน / "หมึกฮอกไกโด" หรือปลาหมึกสับชุบแป้งทอดแบบนักเก็ตไว้ต้มในหม้อชาบู / "เปาไส้ไข่กุ้ง" สีแดงสลับขาวสอดไส้ไข่ปลาบินสีส้มกลิ่นหอมคล้ายน้ำมันกระเทียมเจียวกลมกล่อม / "เปาไส้ลาวาไข่เค็ม" สีเหลืองสลับขาวด้านนอกทำจากลูกชิ้นปลาข้างในสอดไส้ครีมไข่เค็มนัวๆแต่มีข้อควรระวังนิดหน่อยคือร้อนระเบิดลวกปากแนะนำพักให้อุ่นก่อนกิน / "ชิกุวะ" หรือปลาหมึกหลอดทำจากปลาเนื้อขาวบดละเอียดเนื้อเด้งเสียบไม้ย่างรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร / "เต้าหู้ปลา" ก้อนสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีเหลืองทำจากปลาล้วนๆเนื้อเด้งนุ่มคล้ายเต้าหู้ / อีกถาดสั่งมาแต่ลืมถ่ายรูปคือ "เปาชีส" ทำจากปลารูปร่างคล้ายหยดน้ำสอดไส้ครีมชีสแตกระเบิดความอร่อยในปากเวลาเคี้ยว นอกนั้นคือเส้น,ผักสดต่างๆทั้งวุ้นเส้น/เส้นบุก/ผักบุ้ง/ผักกาดขาว/ผักกวางตุ้ง/เห็ดเข็มทอง/เห็ดหอม/แครอท/เห็ดหูหนูดำ/ข้าวโพดหวานและข้าวโพดอ่อนจัดมาแบบรวมๆหน้าตาสวยงามครับผม
สำหรับของทานเล่นพิเศษซึ่งไม่มีให้ตักเองในไลน์อาหารเริ่มต้นที่ "ข้าวผัดกระเทียม" ใช้เมล็ดข้าวสวยนำเข้าจากญี่ปุ่น 100% เคี้ยวเหนียวหนึบเอามาผัดเนยใส่โชยุปรุงรสเค็มอมหวานโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว-ต้นหอมแน่นเต็มถ้วยก่อนเสิร์ฟ / "ยำสาหร่ายญี่ปุ่น" แช่เย็นจัดรสชาติหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นน้ำมันงากลมกล่อมสาหร่ายเส้นใหญ่เคี้ยวกรุบกรอบสดชื่นและ "ชีส" ทางร้านใช้มอสซาเรลล่าก้อนใหญ่ขูดด้วยตัวเองของแท้ 100% ไม่ผสมไขมันปาล์มเหมือนของชาบูบุฟเฟ่ต์ราคาถูกจึงหอมมันเหนียวหนึบเหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งเพียงแค่เทลงไปอังความร้อนในหม้อสักครู่ก็พร้อมทานแล้ว เมื่อก่อนสองรายการนี้ถ้าอยากทานต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกถ้วยละ 39 บาทแต่ปัจจุบันปรับใหม่รวมในรายการเรียบร้อยสั่งได้ไม่อั้นตลอด 1.30 ชม. สุดท้ายคือขาวสวยธรรมดาๆแต่ใช้เมล็ดอ้วน,สั้นนำเข้าจากญี่ปุ่นไว้ทานกับแกงกะหรี่-บูตะคาคุนิหรือข้าวตุ๋นซุปชาบูก้นหม้อก็อร่อยเด็ดไปอีกแบบ ทุกโต๊ะวางขวดน้ำจิ้มเอาไว้ให้บีบเอง 3 สูตรเช่นเคยคือ 1. น้ำจิ้มงาขาว 2. ชูบาฮอตซอส 3. พอนสึญี่ปุ่น จัดการแบ่งใส่ถ้วยเรียบร้อยก็พร้อมลุยแล้วครับ
น้ำซุปอย่างที่บอกไว้ในเบื้องต้นว่ามีทั้งหมด 4 สูตรได้แก่ 1.ชาบูออริจินอลหรือน้ำใสรสชาติเค็มกลมกล่อมหอมคัตสึโอะเข้มข้น 2.ชาบูน้ำดำหรือสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นเบสพื้นฐานมีกลิ่นปลาโอตาแห้งผสมสาหร่ายคอมบุและโชยุปรุงรสชาติให้หวานนำเค็มซึมซับเข้าไปในเนื้อตอนลวกสุก 1.ต้มยำสูตรน้ำข้นหอมเครื่องสมุนไพรไทยครบสูตรทั้งตะไคร้/ข่า/ใบมะกรูดรสชาติเปรี้ยวนำเค็มโดดเด่นด้วยมะนาวสดใส่นมข้นจืดลงไปช่วยให้ทุกอย่างนัวยิ่งขึ้น 4.หมาล่าเครื่องเทศแน่นกลิ่นรุนแรงแต่ไม่ค่อยเผ็ดชาลิ้นทานง่ายๆแถมยังซดได้สบายใจเพราะน้ำมันลอยหน้าน้อยมาก ปกติจะได้แค่คนละ 2 น้ำซุปเท่านั้นแต่เราอยากลองทุกอย่างเลยเพิ่มเงินอีก 29 บาทอัปเกรดเป็นหม้อ 4 ช่องใส่น้ำซุปได้ทุกอย่าง จัดการวางลงบนเตาไฟฟ้าระบบ Induction ความแรงสูงสุดที่ 1,800 วัตต์ โดยน้องพนักงานแนะนำว่าต้องเปิดไฟแรงหน่อยเพราะหม้อหลายช่องเดือดค่อนข้างยาก จากนั้นก็มาเตรียมน้ำจิ้มด้วยพริกสด/กระเทียมสับ/มะนาวซีกบีบปรุงรสลงในน้ำจิ้มสูตรต่างๆและพิเศษเฉพาะซอสพอนสึเท่านั้นสามารถขอต้นหอมผสมไชเท้าขูดจำนวนมากได้ไม่อั้น ซึ่งถ้าอยากทานให้อร่อยสุดๆต้องเทลงไปแช่นานหน่อยให้ซึมซับรสชาติของน้ำซอสเข้าไปอย่างเต็มที่ น้ำซุปเดือดแล้วก็จัดการลงวัตถุดิบสดต่างๆที่สุกยากลงไปก่อนยกเว้นแค่เนื้อสัตว์สไลด์บางๆแค่ลวกแป๊บเดียวก็พร้อมทานแล้วครับ
เนื่องจากเนื้อสัตว์ต่างๆของร้าน "Shuba Shabu" แห่งนี้สไลด์มาค่อนข้างบางระดับ 0.1 มิลลิเมตรจึงช่วยดูดซับรสชาติความอร่อยของน้ำซุปเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งถือเป็น Signature ตั้งแต่เปิดร้านแรกๆจนถึงปัจจุบันนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 13 แล้ว จะจุ่มเนื้อลงในหม้อแล้วกินเลยก็อร่อยแต่น้ำจิ้ม 3 สูตรของเขาก็เด็ดไม่แพ้กันมีทั้ง 1. ซอสพอนสึสไตล์ญี่ปุ่นแช่หัวไชเท้าขูดเส้นผสมต้นหอมลงไปแบบจุกๆจากนั้นเอาตะเกียบคีบขึ้นมาพร้อมหมูหรือเนื้อวัวลวกสุดบางให้ความเค็มเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อมตัดเลี่ยนจากไขมันได้ดีทำให้ทานได้เรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน 2. น้ำจิ้มงาทำจากงาขาวคั่วบดล้วน 100% สูตรเข้มข้นพิเศษรสหวานมันแตกต่างจากบางร้านที่เอาน้ำสลัดงาของญี่ปุ่นมาให้จิ้มแทนถ้าผสมพริกสด/กระเทียมสับ/บีบมะนาวลงไปอีกนิดก็จะช่วยลดความเข้มข้นให้ทานง่ายยิ่งขึ้น 3. ชูบาฮอตซอสหรือน้ำจิ้มสุกี้สูตรพิเศษของทางร้านรสชาติเค็มอมหวานนิดๆพอกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกกะเหรี่ยงผสมน้ำมันงาเผ็ดแสบลิ้นโดนใจเหมาะสำหรับคนที่ชอบความจัดจ้านแค่บีบมะนาวสดลงไปอีกนิดช่วยเพิ่มความหอมเปรี้ยวลงตัวยิ่งขึ้น สุดท้ายไม่ใช่น้ำจิ้มแต่ก็เอามาห่อเนื้อลวกก่อนเข้าปากได้คือ "ชีส" ที่ร้านใช้มอสซาเรลล่าคุณภาพสูงแต่เนื่องจากไม่มีหม้อจิ๋วให้หย่อนลงไปในเตาเลยต้องใช้กระบวยค่อยๆหย่อนลงไปเพียงชั่วครู่ก็ละลายทำหมูห่มชีสอร่อยฟินสุดๆครับ
ลุยบุฟเฟ่ต์ชาบู-ซูชิและอาหารทานเล่นต่างๆจนเริ่มแน่นท้องแล้วอย่าลืมเหลือพื้นที่ในกระเพาะอาหารบางส่วนไว้ให้ขนมหวานอีกหลายอย่างทั้ง "ผลไม้สดตัดแต่งพร้อมทาน" มีแตงโม/สับปะรด/แคนตาลูปรสชาติหวานฉ่ำแช่อยู่ในตู้เย็นให้หยิบด้วยตนเองจนกว่าจะพอใจ และไอศครีมยี่ห้อเนสท์เล่ทั้งหมด 4 รสชาติก็คือ 1. เรนโบว์ 2. เซอร์เบตมะนาว 3. เซอร์เบตลิ้นจี่ 4.สตรอว์เบอร์รี่ โดยในแต่ละวันจะถูกสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อก็จัดการตักมาลองชิมอย่างละนิดหน่อยใส่ถ้วยเหล็กพร้อมหยิบช้อนพลาสติกให้บริการอยู่ข้างตู้แช่แข็ง แล้วอย่าลืมล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์พร้อมสวมถุงมือพลาสติกก่อนตักอาหารทุกครั้ง ตอนนี้อิ่มแล้วก็เรียกน้องพนักงานมาเช็กบิลกันครับผม
มื้อนี้ผมมาทานด้วยกัน 2 คนบุฟเฟ่ต์เมื่อบวกกับ Vat. 7% กับ Service Charge 10% แล้วจะตกอยู่คนละ 352 บาท บวกค่าหม้อน้ำซุป 4 ช่อง 29 บาท แล้วรวมเป็นทั้งหมด 738 บาท ถือว่ารักษามาตรฐานความอร่อย,คุ้มเอาไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับใครที่มีงบน้อยทุกวัน จ.-ศ. ก่อน 16.00 น. มีโปรโมชั่นพิเศษเหลือคนละ 199 บาท++ ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟีล 39 บาท กับผลไม้-ไอศครีม 59 บาท (ไม่บังคับ) ดีงามทุกอย่างสมเป็นบุฟเฟ่ต์ชาบูระดับตำนานกว่าที่ก่อตั้งและมัดใจลูกค้ามายาวนานถึง 13 ปี รับคะแนนไป 5 ดาวเต็มเช่นเคยเลยครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : โครงการ Coco Walk เลขที่ 89/70 ถนนพญาไท แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. 10400
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.30 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 082-779-8789
Facebook : https://www.facebook.com/shubashabu
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments