top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว Souffle & Souffle ร้านคาเฟ่แพนเค้กฟูนุ่มสูตรจากประเทศญี่ปุ่น ในบรรยากาศสวนดอกไม้ใจกลางทองหล่อ!

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ย. 2566



วันนี้จะเราพาทุกคนมาพบกับร้านคาเฟ่แพนเค้กฟูอีกร้านนึงที่หลายๆคนบอกว่าอร่อยนักหนา หลังจากที่เรานั้นมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีกับร้านแพนเค้กฟูเจ้าดังจากญี่ปุ่น (เหม็นคาวไข่ขาวทานแทบไม่ได้) แต่คิดว่ามันต้องมีสักร้านนึงแหละในประเทศไทยที่อร่อยถูกใจเรา เปิดมือถือหารีวิวไปเรื่อยๆจนมาพบกับร้านนี้ Souffle & Souffle อยู่บนถนนทองหล่อ ส่วนตัวก็ไปหาร้านอร่อยแถวถนนทองหล่ออยู่หลายๆครั้งไม่เคยเจอชื่อร้านนี้ ทั้งๆที่ตัวร้านปักหมุดในแผนที่ตรงข้ามกันกับ Hotel Nikko Bangkok (เป็นจุดที่สังเกตง่ายสุดๆ) แต่เมื่อมาถึงแล้วเราไม่เจอตัวร้านแฮะเจอแต่ร้านอื่นที่ไม่ใช้ร้านขนมหวานเต็มไปหมด เลยโทรไปสอบถามกับที่ร้านได้ความมาว่า ให้เดินย้อนกลับมาเรื่อยๆตรงถนนสุขุมวิท ร้านสังเกตง่ายๆจะมีกำแพงดอกไม้สีขาวและสีม่วงประดับอยู่หน้าร้าน ถ้าเจอแล้วก็เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ได้เลย หรือถ้ามาจาก BTS สถานีทองหล่อให้เดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 55 ผ่านวินมอเตอร์ไซค์แล้วจะพบกับร้าน Gyuma Yakiniku ให้เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามได้เลย(หน้าร้านถูกเสาไฟฟ้าและต้นไม้บังแทบมองไม่เห็น) ใครนำรถส่วนตัวมาอาจจะลำบากในการหาที่จอดสักหน่อย แนะนำว่าหากจะมาที่ร้านนี้ให้เดินทางมาด้วย BTS สะดวกสุดแล้วครับ ส่วนแพนเค้กสูตรนุ่มฟูของที่นี่จะอร่อยโดนใจเราขนาดไหนนั้น รีบเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของทางร้านกันเลยครับ

ที่ประตูทางเข้าร้านชั้น 1 ว่ามีดอกไม้เยอะแล้ว บริเวณทางเข้าร้านชั้น 2 ยังมีการจัดซุุ้มดอกไม้สวยๆไว้ต้อนรับเราอีก และเมื่อเปิดประตูเข้าสู่ตัวร้านจริงๆขอบอกเลยว่าสวยมาก (ลากเสียงยาวๆ) เหมือนยกทุ่งดอกไม้เอามาไว้ในร้านนี้ ที่นั่งภายในร้านถูกแบ่งออกเป็น 1.บริเวณริมหน้าต่างมองวิวสวนตรงระเบียงด้านนอก 2.โซฟายาวนั่งสบายๆสำหรับมากันเป็นคู่หรือต่อโต๊ะเพื่อนั่งกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ 3."มุมนี้มีแต่ 2 เรา"โต๊ะเล็กๆที่มีกำแพงกุหลาบสีชมพูเป็นฉากหลัง นั่งกันได้แค่ 2 คน และ4.มุมสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิดๆเต็มไปด้วยกำแพงดอกกุหลาบสีขาวและสีฟ้า ทุกมุมภายในร้านมีความสวยงามแตกต่างกัน ใครอยากถ่ายรูปพื้นหลังสีไหนเลือกที่นั่งกันได้เลยครับ

หาที่นั่งได้แล้วพนักงานก็จะนำเมนูมาให้เราดูว่ามีอะไรให้ทานบ้าง ? หน้าแรกเป็นเมนูแพนเค้กฟูแนะนำของที่ร้านราคา 320-380 บาท หน้าต่อมาเป็นเมนูอาหารเช้าสไตล์ยุโรปราคา 300-350 บาท โดยทุกชุดนั้นเสิร์ฟพร้อมกับซุปข้าวโพดรมควัน 1 ถ้วยและขนมปังแดนิชอบกรอบอีก 1 ชุด นอกจากนี้ยังมีเมนูแพนเค้กฟูที่ทางร้านนำมารวมกับอาหารเช้าราคา 330-350 บาท ต่อมาเป็นหน้าของหวานฉบับหลากหลายเมนูเต็มราคา 160-360 บาท เครื่องดื่มพวกอิตาเลียนโซดาและน้ำผลไม้ราคา 110-180 บาท กาแฟสด/ชาร้อนและน้ำดื่มราคา 40-250 บาท ดูโดยรวมแล้วแต่ละเมนูมีราคาค่อนข้างสูง แต่สังเกตภายในเล่มเมนูมีแต่ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น (ก็อย่างว่าแถวนี้ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมของคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย) ถ้าให้เทียบราคานี้กับเงินต่างประเทศประมาณจานละ 1,000 กว่าเยนซึ่งว่าเป็นราคาปกติของขนมหวานและเครื่องดื่มที่นั่น(ส่วนเคยเข้าร้านคาเฟ่ที่โตเกียวมาก่อน) เดี๋ยวต้องมาดูกันที่รสชาติครับ ถ้าแพนเค้กสูตรฟูนุ่มของที่นี่มีความอร่อยตามแบบที่เราคาดหวัง ต่อให้ขายราคานี้เราก็ยอมได้ครับ

ทุกเมนูแพนเค้กฟูของที่นี่ใช้เวลารอขั้นต่ำ 20 นาที (ยกเว้นเมนูแพนแค้กเย็นที่สั่งแล้วได้ทานทันที) วันนี้เราสั่งได้สั่งเมนูแพนเค้กฟูแบบของคาว 2 จาน (ไม่ได้ทานมื้อเช้ามาก็มาทานที่ร้านนี้เลยทีเดียว) เมนูแพนเค้กฟูแบบของหวานอีก 2 จาน แพนเค้กเย็น 1 จานและเครื่องดื่มอีก 2 อย่าง ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูปตามมุมต่างๆภายในร้านรอไปเรื่อยๆจนกระทั่งเชฟของที่ร้านนำตัวแป้ง Souffle มาทำที่เตาตรงใกล้ๆกับแคชเชียร์ นำลงเตาเป็นก้อนกลมค่อยๆทำให้สุกสีเหลืองด้วยไฟอ่อนๆ เมื่อสีสวยด้านนึงแล้วพลิกกลับจากนั้นปิดฝาเพื่อให้เนื้อแป้งด้านในสุกอย่างทั่วถึง จากนั้นก็นำไปทำเมนูต่างๆให้เราที่ด้านหลังร้าน แพนเค้กหอมกลิ่นไข่และเนยนุ่มนวลฟุ้งเต็มร้าน ทำให้อยากทานยิ่งขึ้นไปอีกครับ

จากนั้นพนักงานได้ยกชุดเครื่องปรุงสำหรับทานกับอาหารเช้า/ส้อม/มีด/กระดาษเช็ดปากและน้ำดื่มคนละแก้ว (น้ำเปล่าที่นี่มีให้ดื่มฟรีไม่คิดเงินเพิ่ม) แต่เมนูแพนเค้กที่ดีต้องคู่กับชาร้อนอร่อยๆเลยสั่งเป็น Vert Provence ราคา 250 บาท เป็นชาร้อนกลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งขึ้นจมูกที่พนักงานแนะนำให้สั่ง บอกเลยว่าดีงามมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ราคาสูงสุดในร้านแต่ 1 กาสามารถดื่มได้ถึง 2 คนและเติมน้ำร้อนได้ถึง 3 ครั้ง (แต่ทางร้านแนะนำว่าให้เติมสัก 2 กำลังดี) ซึ่งขอแนะนำเลยว่าให้สั่งเพราะกลิ่นของชาทำให้ดอกไม้ประดับภายในร้านดูเหมือนมีกลิ่นหอมมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที และนอกจากนี้ยังสั่ง Watermelon Frappe หรือน้ำแตงโมปั่นเย็นชื่นใจราคา 150 บาท เป็นน้ำแตงโมปั่นใส่น้ำเชื่อมมารสหวานกำลังดีเสิร์ฟมาในกาทรงกลมขนาดใหญ่ มีกีวีฝานสดตกแต่งอยู่ในเหยือกพร้อมหลอดดัดเป็นรูปหัวใจและร่มขนาดจิ๋วให้อารมณ์เหมือนนั่งดื่มอยู่ริมทะเล เหมาะแก่การนำมาถือถ่ายรูปสุดๆเลยครับ

และแล้วเมนูอาหารเช้าก็ทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ Egg-Caesar Souffle ราคา 320 บาท เป็นแพนเค้กฟูสูตรเค็มเสิร์ฟพร้อมกับซีซ่าร์สลัดไข่ต้ม ผักคอสสีเขียวสดกรอบ/มะเขือเทศเชอรี่ลูกจิ๋วและขนมปังอบกรอบราดด้วยน้ำสลัดซีซ่าร์รสชาติเข้มข้นแต่เราเพิ่มความหอมของน้ำมันมะกอกเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ผักเย็นกรอบทานกับแพนเค้กเนื้อฟูๆที่มีสัมผัสของไข่มากกว่าปริมาณแป้งเคี้ยวหนึบๆในปาก รู้สึกว่าเข้ากันได้ดีไม่แพ้ทานคู่กับขนมปัง ถือว่าเป็นสัมผัสใหม่ของเมนูอาหารเช้าที่หาไม่ได้จากที่ไหนครับผม ส่วนอีกจานเป็น Egg Souffle Benedict ราคา 350 บาท เป็นเมนู Egg Benedict ที่เราคุ้นเคยแต่เปลี่ยนจากอิงลิชมัฟฟินเป็นแพนเค้กฟูแทน ด้านในอัดแน่นด้วยเบคอนและไข่ดาวน้ำราดด้วยซอสฮอลแลนเดซรสอมเปรี้ยวนิดๆหอมกลิ่นเนยและไข่แดงแบบเข้มข้น ทานคู่กับสลัดผักกรอบราดน้ำสลัดบัลซามิกรสเปรี้ยวมีกลิ่นองุ่นสดชื่น การที่จานนี้เลือกใช้แป้ง Souffle แทนแป้งมัฟฟินถือว่าดีกว่าเยอะเลยครับผม

กินของคาวแล้วก็มาต่อกันที่ของหวาน เมนูแรกคือ Fuwa-Fuwa Souffle ราคา 290 บาท เป็นแป้งแพนเค้กเนื้อนุ่มฟูสูตรของหวานมีสีเหลืองนวล เนื้อนุ่มเด้งละเอียดกว่าสูตรของคาว เสิร์ฟพร้อมกับวิปครีม/เนยสดตีฟูและเมเปิ้ลไซรัปโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เริ่มจากราดเมเปิ้ลไซรัปลงไปแบบฉ่ำๆแล้วตัดเนื้อแพนเค้กเนื้อนุ่มเป็นชิ้นๆ แล้วทานคู่กับครีม+เนยที่อยู่ในจาน บอกเลยว่า "จานนี้แหละแพนเค้กฟูที่สมควรจะเป็นในจินตนาการ" เนื้อแป้งแพนเค้กนุ่มฟูหอมกลิ่นเนยสดและเมเปิ้ลไซรัปแบบฉ่ำๆ กลิ่นไข่ไก่สดหอมๆช่วยเสริมให้จานนี้มีความพิเศษมากขึ้น ถ้าให้เทียบกับคู่แข่งอื่นที่เคยทานมา ร้านนี้ชนะขาดในทุกๆทาง(ไม่เหม็นกลิ่นคาวไข่และถึงเครื่องมากกว่า) ถือว่าดีสมราคาคุยครับ

จานต่อมา Fluffy Ichigo Shot Souffle ราคา 320 บาท เป็นแพนเค้กฟูเรียงกันเป็นคอนโด 3 ชั้น ราดด้วยวิปครีมเหลวปรุงรสหวาน ทานคู่กับเนยสดตีฟู/สตรอเบอรี่สดและซอสสตรอเบอรี่ทาบางๆระหว่างชั้นและผงคุกกี้โอริโอ จานนี้มีความคล้ายกับของหวานจานแรกแต่เปลี่ยนจากเมเปิ้ลไซรัปเป็นวิปครีมและตัดรสเปรี้ยวด้วยสตรอเบอรี่ สดเป็นรสชาติที่สดชื่นมากกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานขนมหวานตัดรสกับผมไม้สดๆจานนี้ถือว่าตอบโจทย์ครับ ของหวานจานสุดท้าย Chocochoco Milky Soft ราคา 160 บาท แพนเค้กเย็นรสช๊อกโกแลตเนื้อนุ่มฟูรสชาติเข้มข้น/หวานน้อย เสิร์ฟพร้อมกับไอศครีมชาเขียวลูกโตๆและราดด้วยวิปครีมฉีดฟูจนปิดทุกอย่างมิดชิด โรยด้วยผงชาเขียวมัทฉะ/ซอสช็อกโกแลตและถั่วอัลมอนด์สไลด์อบกรอบ ได้ทั้งรสชาติและสัมผัสที่หลากหลายในเมนูเดียวดีครับ

นั่งทานแพนเค้กเนื้อฟูนุ่มพร้อมกับซดชาร้อนๆหอมกลิ่นดอกไม้จนฟินห์หนำใจ จากนั้นแฟนผมขอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาบอกว่าห้องน้ำที่นี่สวยมากเข้าไปถ่ายรูปด้วย ภายในห้องน้ำของที่ร้านนี้ตกแต่งไปด้วยดอกไม้เต็มไปหมดและที่สำคัญคือสะอาดสะอ้านน่าเข้ามาใช้งาน ใครที่ชอบถ่ายรูป Selfie แสงในห้องน้ำนี้ถือว่าสวยมากๆ ผมว่าสาวๆหลายๆคนต้องถูกใจห้องน้ำของร้านนี้อย่างแน่นอนครับ กลับไปที่โต๊ะแล้วพนักงานมาเรียกเก็บเงินกันดีกว่า

มื้อนี้เรามาด้วยกัน 2 คนสั่งอาหารไปทั้งหมด 7 เมนูจนอิ่มแทบจะเดินไม่ไหว ทั้งเมนูแพนเค้กสูตรคาว แพนเค้กหวานและเครื่องดื่ม บิลทั้งหมดออกมาราคารวม 1,840 บาท ตกราคาคนละ 920 บาท แบบไม่มี Vat. หรือ Service Charge มากวนใจ ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านแพนเค้กฟูที่ 1 ในดวงใจตอนนี้ ไม่ว่าคุณเคยผิดหวังมาจากร้านไหน อยากให้ลองมาทานที่ร้านนี้ดู รับรองว่าต้องเปลี่ยนความคิดเดิมๆ และถึงแม้ว่าเมนูที่นี่จะราคาค่อนข้างแรงกว่าเมื่อเทียบกับร้านขนมหวานอื่นๆ มองดูที่ด้านล่างของใบเสร็จมีชื่อบริษัทดูน่าจะเป็นของคนญี่ปุ่น ใช่แล้วครับร้านนี้เจ้าของเขาเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ (มิน่าล่ะแพนเค้กฟูถึงอร่อยมากขนาดนี้) แล้วลูกค้าไปไหนหมด? สอบถามพนักงานได้ความมาว่า ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะมากันช่วงเย็นและวันศ.-ส.-อา. พีคที่สุดคือต้องรอคิวยาวลงไปถึงบันไดด้านล่าง (ไม่รับจองคิว)แต่ถ้าสัปดาห์ไหนคนน้อยก็เปิดรับจองคิวเหมือนกัน(ต้องโทรสอบถามทางร้านก่อน) รวมๆแล้วเราชอบร้านนี้กันมาก เอาคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไป 5 ดาวเต็มเลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 56/8 ชั้น 2 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

ร้านเปิดทุกวัน 08.00 - 21.00 น. โทร. 02-392-1725

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 1,520 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page