สำหรับสายปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นตัวจริงถ้ากำลังนึกอยากกินเนื้อวัววากิวคุณภาพสุดยอดระดับพรีเมี่ยมแสนอร่อยหนึ่งในร้านที่ผุดขึ้นมาในความคิดเป็นอันดับแรกนั้นจะต้องมี "Yakiniku Yuu Honten" ปัจจุบันเปิดให้บริการเข้าสู่ปีที่ 20 ฉลองกับสาขาใหม่ล่าสุดใกล้สำนักงานใหญ่ตรงซอยพัฒนาการ 30 โดยคำว่า "本店 หรือ Honten" ภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงเรือธง,เชิดหน้าชูตาของแบรนด์จึงได้คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบเกรดสูงที่สุดแต่จ่ายราคาไม่แพงมากนักพร้อมโปรโมชั่นเฉพาะบัตรสมาชิกลดอีก 10% จัดยาวจนกว่าจะประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้งบนเพจ วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวปักหมุดขับตามระบบนำทางบนแผนที่มีลานจอดด้านหน้ากับข้างหลังสุดกว้างขวางและเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ฟรี ถ้าใช้บริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีเพชรบุรี หรือ Airport Rail Link สถานีรามคำแหงจากนั้นเรียกแท็กซี่,มอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อมาจุดหมายอีกประมาณ 5-8 กิโลเมตรก็จะถึงปลายทางแล้ว จุดสังเกตง่ายๆก็คืออยู่ฝั่งตรงข้ามศูนย์โชว์รูมฮอนด้าขนาดใหญ่ใกล้คาเฟ่ "กาแฟตึกแถว" ที่เราเคยมารีวิวครั้งก่อนเปิดเครื่องเป่าลมโบกผ้าสีแดงสะบัดอย่างสวยงามตรงประตูทางเข้าหน้าร้านแบบนี้ก็แสดงว่ามาถึงแล้วครับผม
เปิดประตูเข้ามาก็จะพบจุดเด่นแรกสุดซึ่งชวนให้ลูกค้าทุกท่านต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปเก็บความประทับใจก่อนก็คือรูปปั้นวัวเพศผู้สีดำขนาดใหญ่เท่าตัวจริงสอบถามทางพนักงานแล้วน้องนั้นมีชื่อว่า "โชริโกะ Shorigo" ซึ่งแปลว่า "ชัยชนะ" ถูกหล่อขึ้นด้วยทองแดงผสมโลหะอื่นๆเพื่อเน้นความทนทานพร้อมส่งมอบให้เป็นของขวัญประดับตกแต่งร้านเปิดใหม่อันแสดงถึงเรื่องน่ายินดีเนื่องในวันครบรอบความสัมพันธ์กว่า 20 ปีจากเจ้าของฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น (สามารถลูบคลำได้แต่ห้ามขึ้นนั่งเด็ดขาด) พร้อมเอกสารรับรองติดไว้บนฝาผนังใส่กรอบไม้อย่างดีเพื่อการันตีว่าแบรนด์นี้เลือกใช้เฉพาะวากิวของแท้ทานได้อย่างสบายใจแน่นอน โดยงานศิลปะและการตกแต่งภายในทั้งหมดนั้นถูกรังสรรค์ขึ้นจากคุณ "โนฮาระ ชินเซน" ศิลปินชื่อดังผู้เขียนอักษร Calligraphy Artist ปัจจุบันได้พำนักอยู่เมืองโกเบ ภาพวาดทั้งหมดที่เราเห็นตั้งแต่ประตูหน้าร้านกับฝาหนังต่างๆทั่วทั้งบริเวณคือฝีมือการบรรจง,ทุ่มเวลามอบให้เป็นของขวัญแก่ YUU ทั้งหมด ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่าเมื่อเทียบกับสาขาอื่นๆที่เคยใช้บริการครับ
บรรยากาศภายในร้านเน้นตกแต่งด้วยโทนสว่างเริ่มตั้งแต่พื้นลายไม้พร้อมฝาผนังทาสีขาวดูสบายตาสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่มากกว่าความดำมืดทึบแสนอึดอัดเมื่อเทียบกับสาขาอื่นที่เราเคยไปใช้บริการก่อนหน้านี้ทั้งหมดสมกับถูกตั้งชื่อว่า "本店 หรือ Honten" ระดับเรือธงของแบรนด์ YUU แบ่งโต๊ะนั่งบริเวณชั้นล่างออกเป็น 3 โซนได้แก่ 1. ห้องพิเศษขนาดใหญ่ด้านหลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์กั้นด้วยผ้าม่านช่วยบดบังสายตาได้เพียงเล็กน้อยสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 10 ท่าน 2. โซฟายาวหุ้มด้วยหนังสีแดงสดใสติดตั้งตรงริมหน้าต่างด้านหน้าติดถนนซอยพัฒนาการ 30 พร้อมเปิดรับแสงให้สาดส่องเข้ามาจากธรรมชาติอย่างสวยงามละมุนตา 3. ใกล้ทางขึ้นบันไดทางขึ้นสู่ชั้น 2 ติดห้องเตรียมอาหารโดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ทั้งโต๊ะหินอ่อนสีดำสนิทและเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งติดตั้งเบาะกับที่รองแขนขนาดใหญ่ช่วยโอบรับสรีระรู้สึกได้นั่งเต็มก้นแม้คนอ้วนมากแบบผมก็ยังรู้สึกว่ามันสบายสุดๆ สำหรับ Calligraphy Artist ที่ใส่กรอบประดับอยู่ตามฝาผนังทั้งหมดนั้นคือฝีมือของอาจารย์ "โนฮาระ ชินเซน" อย่างที่กล่าวเอาไว้เบื้องต้นช่วยให้อารมณ์เหมือนอยู่หอศิลป์ ซึ่งจะหาประสบการณ์ชั้นดีแบบนี้จากภัตตาคารอื่นๆในประเทศไทยไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
เดินขึ้นบันไดมาบริเวณชั้นสองจะพบกับห้องส่วนตัวโดยแบ่งออกเป็น 3 ชื่อตามการตกแต่งภายในได้แก่ 1. "Ai หรือไอ" ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่า "คราม" คือสีธรรมชาติอันได้จากเปลือกไม้ชนิดหนึ่งสำหรับย้อมผ้าสมัยโบราณจึงตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งสีน้ำเงินครามทั้งหมด ส่วนรูปภาพของวัวตัวอ้วนกลมที่ถูกวาดด้วยมือแขวนประดับอยู่ตรงกลางนั้นก็จำลองให้เหมือนลวดลายของผ้า "暖簾 หรือ โนเรน" ตามหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 12 ท่าน 2. "Moegi หรือโมเอกิ" มีความหมายว่า "ต้นไม้ผลิใบเกิดใหม่" จึงเน้นแสดงถึงสีเขียวอ่อนๆชวนสบายตาแล้วถ้ามองผ่านกระจกใสออกไปจะเห็นประวัติ YUU ฉบับภาษาญี่ปุ่นของท่านอาจารย์ "โนฮาระ ชินเซน" กับน้องรูปปั้นวัวตัวผู้ทำจากทองแดงชื่อว่าเจ้า "โชริโกะ Shorigo" ตรงชั้นล่างหน้าประตูทางเข้าร้านเมื่อกี้โดยสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 10 ท่าน 3. "Toki หรือโทกิ" แสดงถึงสีชมพูสดใส,สวยงามของเจ้า "นกช้อนห้อย" สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งเป็นนกกินปลาประจำถิ่นชนิดหนึ่งในจังหวัดอิชิคาวะ มีความพิเศษตรงขนที่จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์สุดๆในฤดูกาลนั้นจึงใช้สีเดียวกันเป็นพื้นฐานทั้งหมดให้สอดคล้องตามชื่อที่ตั้งและสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 6 ท่าน ข้อควรระวังเล็กน้อยก็คือบันไดทางขึ้น-ลงนั้นทำจากตึกแถวเก่าๆเอามารีโนเวทใหม่แต่ละขั้นจึงค่อนข้างสูงชัน-ก้าวสั้นกว่าปกติเล็กน้อยยังไงควรประคองสติเวลาเดินด้วยนะครับผม
ระหว่างนั่งรอเพื่อนสมาชิกร่วมโต๊ะอีก 2 ท่านกำลังเดินทางอยู่ก็ขอเล่มเมนูจากน้องพนักงานมาเปิดชมก่อนว่ามีอะไรให้สั่งและแตกต่างจากสาขาอื่นๆอย่างไรบ้าง แบ่งออกเป็น 1. ชุด Lunch Set เปิดรับออเดอร์เฉพาะวัน จ.-ศ. ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น.เท่านั้น (ไม่รวมวัน ส.-อา. กับ วันหยุดนักขัตฤกษ์) เลือกจานหลักได้คนละ 1 อย่างทั้ง วากิวอิชิโบะยากิสุกี้ 295 บาท/เนื้อส่วนท้องติดมัน 220 บาท/หมูติดมันกับเนื้อส่วนท้องติดมัน 195 บาท/หมูโชกุน 185 บาท/ลิ้นวัว 195 บาท/ซี่โครงหมู 165 บาทฟรีข้าวสวยญี่ปุ่น,ข้าวผัดกระเทียม,ซุปมิโสะ,สลัดผัก,ของทานเล่นประจำวันเติมได้ไม่อั้นและขนมหวานปิดท้าย 1 อย่าง ส่วน Family Set หรือชุดครอบครัวสำหรับ 2 ท่านนั้นก็เลือกได้ทั้งเนื้อหมูล้วน 485 บาท/เนื้อวัวล้วน 685 บาท เติมข้าวสวยญี่ปุ่น,ข้าวผัดกระเทียม,ซุปประจำวันไม่อั้นและขนมหวานคนละถ้วยเช่นเดิมถือว่าคุ้มสุดๆ 2. จาน A La Carte แบบพรีเมี่ยมสามารถสั่งได้ตลอดทั้งวันที่เปิดทำการเริ่มต้นด้วยเหล่าวากิว A4 ส่วนคารูบิ 850 บาท/ริบอาย 1,250 บาท/ริบแคป,น้ำจิ้มไข่แดงในซอสสุกี้ยากี้ 1,285 บาท โดยมีข้อสังเกตเล็กน้อยก็คือ "Honten Special" จะจำหน่ายเฉพาะสาขาพัฒนาการ 30 แห่งนี้จุดเดียว นอกเหนือจากนั้นมีจำหน่ายใน "Yakiniku Yuu" ทุกร้านในกรุงเทพฯทั้งหมดนั่นคือความแตกต่างที่ชวนให้เราต้องมาลองครับ
หน้าถัดไปยังคงอยู่ในเล่มเมนู A La Carte สุดพรีเมี่ยมเช่นเดิมทั้ง เนื้อวัววากิว A5 ริบโรสึ 2,400 บาท/977 Signature ของร้าน 1,690 บาท/ส่วนท้องติดมันนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา 190 บาท/นากะบาระอย่างดีพิเศษจากวัวสายพันธุ์ไทยแบล็ค 680 บาท/นากะบาระอย่างดีรองลงมา 380 บาท/ริบอาย 650 บาท/เนื้อสันในอย่างดีพิเศษ 350 บาท/สันในอย่างดีรองลงมา 280 บาท/ส่วนติดกระดูกอย่างดีพิเศษ 350 บาท/มิซึจิอย่างดีพิเศษ 550 บาท/เนื้อ Yuu Super + ไข่แดงราดซอสสุกี้ยากี้ 650 บาท/ชุดหมูฮอนเทน(โชกุน,ซี่โครง,ติดมัน,โทโร่) 350 บาท/ลิ้นวัวพิเศษ 400 บาท/ตับหมูหมักซอส 135 บาท/ขอบกระด้งวัวซอสมิโสะแดง 150 บาท/หมูโชกุน 155 บาท/คุโรบูตะไดมอนด์คัท 385 บาท/หมูส่วนซี่โครง 135 บาท/หมูโทโร่(คอหมู) 220 บาท/หมูติดมัน 135 บาท/หมูตันโตะ 155 บาท/ปลาหมึกจิ๋วสายพันธุ์อิดาโกะ 165 บาท/คานิมิโสะหรือมันปูหิมะญี่ปุ่นย่างบนเตาทั้งกระดอง 250 บาท/โฮตาเตะฮอกไกโดตัวใหญ่พิเศษเกรดซาชิมิ 320 บาท/ข้าวสวยโคชิฮิคาริ 50 บาท/ข้าวโคชิฮิคาริผัดกระเทียมสูตรพิเศษ 80 บาท โดยรวมนั้นก็ถือว่าราคาไม่แรงมากนักยกเว้นจะเลือกสั่งเฉพาะวากิว A4-A5 กับพวกอย่างดีพิเศษหลายๆอย่างพร้อมกันในมื้อเดียว ซึ่งส่วนตัวทานเนื้อดีๆไม่ค่อยได้เยอะอยู่แล้วเพราะไขมันล้นจนเลี่ยนถือว่าตอบโจทย์ดีครับ
นอกนั้นก็เป็นพวกเครื่องเคียงและอาหารจานเดียวต่างๆเพื่อส่งเสริมไม่ให้มื้อนี้ดูน่าเบื่อเกินไปทั้งกุ้งทอดเทมปุระ 250 บาท/ยำเนื้อดิบสไตล์ญี่ปุ่นหรือยุกเกะ 280 บาท/กิมจิ 100 บาท/ยำเห็ดหูหนู 100 บาท/ยำผักกวางตุ้ง 100 บาท/ยำถั่วงอก 100 บาท/ถั่วแระญี่ปุ่นหรืออิดามาเมะ 70 บาท/ยำสาหร่ายญี่ปุ่น 90 บาท/อะรากิริวาซาบิสดดอง 35 บาท/ปลาหมึกทาโกะวาซาบิ 180 บาท/ปลาหมึกร้าญี่ปุ่นยำ 180 บาท/ผักยำรวม 3 อย่าง 120 บาท/สาหร่ายโนริย่าง 90 บาท/ปลาเงินทอดกรอบ 150 บาท/หมึกอิดาโกะทอด 195 บาท/ไข่แดงโมริทามะซอสโอสุกิมิอันคล้ายสุกี้ยากี้เข้มข้นพิเศษ 40 บาท/กระเทียมสไลด์บางๆทอดจนกรอบ 25 บาท/ไข่แดงโมริทามะ 35 บาท/ไข่ต้มอองเซน 25 บาท/มิโสะผสมหมูสับ 50 บาท/มิยากิคิงซาบะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นย่างเกลือ,ซีอิ๊ว 220 บาท/ปลาแซลมอนย่าง 250 บาท/ผักบัตเตอร์เฮด,ผักคอสพร้อมมิโสะหมูสับ 95-120 บาท/กระเทียมสดย่าง 65 บาท/สลัดผักคอสไข่กุ้ง 180 บาท/กะหล่ำปลีราดซอส 80 บาท/กระเจี๊ยบท็อปปิ้งปลาชิราสุราดซอสพอนสึยูสุ 90 บาท/สลัดปลาชิราสุ 180 บาท/ผักรวมย่าง 120 บาท/น้ำซุปสไตล์ญี่ปุ่นต่างๆ 60-180 บาท ส่วนขนมหวานเป็นคากิโกริถ้วยละ 120 บาท/เต้าฮวย,ไอศครีม,น้ำแข็งไสถั่วแดง 45-60 บาท สุดท้ายก็คือเครื่องดื่มธรรมดา 30-75 บาทและแอลกอฮอล์หลากหลายยี่ห้อจากไทย,ญี่ปุ่น,ฝรั่ง 95-650 บาท มีครบทุกด้านได้ทานทั้งของคาว-หวานจบภายในร้านเดียวครับ
อุปกรณ์ต่างๆซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการปิ้งย่างก็จัดเต็มให้ครบทุกอย่างวางเต็มโต๊ะทั้งจานส่วนตัวเอาไว้พักเนื้อที่ย่างเสร็จแล้ว/ถ้วยใส่น้ำจิ้มบาร์บีคิวหรือยากินิคุสูตรพิเศษของทางร้าน/ตะเกียบไม้สไตล์ญี่ปุ่นแบบหักด้วยตนเองก่อนใช้งาน/กระดาษทิชชู่เช็ดทำความสะอาด (ถ้าใช้ไม่พอก็ขอเพิ่มได้อีก)/ที่คีบด้ามยาวพิเศษ/กรรไกรตัดเนื้อใหม่สุดคมกริบ/ผ้ากันเปื้อนใช้แล้วทิ้ง รอแค่ไม่นานนักเตาถ่านสุดร้อนแรงสีแดงเดือดพร้อมตะแกรงเหล็กก็ถูกยกมาวางไว้ในหลุมตรงกลางโต๊ะเปิดระบบดูดควันแรงสะใจไร้กลิ่นเหม็นปิ้งย่างเกาะติดเส้นผม ระหว่างนี้เตรียมตัวล้างมือด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์และใส่เครื่องปรุงต่างๆลงไปในซอสบาร์บีคิวให้เป็นรสชาติที่ตนเองชื่นชอบได้แก่พริกสดแดงซอย/กระเทียมบดละเอียด/โคชูจังเกาหลี/น้ำมะนาวสด/เกลือชมพูหิมาลายัน/พริกไทยดำบดใหม่ ถ้าต้องการสั่งเมนูอาหารอื่นๆหรือพบน้องพนักงานเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถกดปุ่มบนโต๊ะเพื่อเรียกใช้บริการได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของร้านถือว่าสะดวกรวดเร็วเอาใจใส่ดีมาก ไม่นานนักรายการที่สั่งไปก็ทยอยเดินมาเสิร์ฟบนโต๊ะแล้วครับ
เนื่องจากมีสมาชิกท่านหนึ่งบนโต๊ะไม่ทานเนื้อวัวเลยสั่งแบบชุดใหญ่จัดเต็มมาให้ก่อนเลยคือ "เซ็ทครอบครัวหมู" ราคา 485 บาท ให้ปริมาณอย่างจัดเต็มสำหรับอิ่มได้ 2 คนแบบแน่นจุกแทบกลิ้งกลับบ้านทั้ง หมูตันโตะหรือสามชั้นหมักกระเทียม/หมูส่วนซี่โครงชิ้นใหญ่/หมูติดมันตรงพื้นท้อง/หมูโชกุนหรือส่วนสันคอเคลือบซอสหวาน-เผ็ดตกแต่งให้สวยงามด้วยแครอทไว้ย่าง/โรยต้นหอมซอยละเอียดโดยรอบ ฟรีข้าวสวยสายพันธุ์โคชิฮิคาริหุงใหม่/ข้าวโคชิฮิคาริผัดกระเทียมสูตรพิเศษ/น้ำซุปประจำวันเติมได้ไม่อั้น/มีขนมหวานเป็นไอศครีมมัทฉะถั่วแดงใส่เต้าฮวยนมสดปิดท้ายอีกท่านละ 1 ถ้วยก่อนเช็กบิล ซึ่งถือว่าประหยัดมากๆเพราะเฉลี่ยเพียงแค่คนละ 243 บาทเท่านั้น (ไม่รวม Vat. 7% และ Service Charge อีก 10%) กับอาหารจานใหญ่ดูแล้วให้ปริมาณเยอะกว่ารูปถ่ายโฆษณาภายในเล่มเมนูแบบนี้ สำหรับใครที่ไม่กินเนื้อวัวก็บอกเลยว่าสามารถมาฟินกับยากินิคุหมูล้วนของร้าน "Yakiniku Yuu Honten" ไม่เบื่อแน่นอนเพราะเขานำไปหมักซอสอีกหลายแบบจนเข้าเนื้อสุดนุ่มนิ่มทานคู่ข้าวสวยคุณภาพสูงได้อร่อยจุใจมากครับผม
เมนูต่อมาเป็นรายการพิเศษอยู่ในหมวด Honten Special ที่ขายเฉพาะสาขานี้เท่านั้นก็คือ "Yuu Super + ไข่แดงราดซอส" ราคา 650 บาท ใช้เนื้อลูกครึ่งสายพันธุ์ญี่ปุ่นผสมไทยแต่เลือกคุณภาพระดับ US-MBS 6 ขึ้นไป จุดเด่นของเนื้อชนิดนี้ได้แก่การดึงข้อดีของพ่อและแม่มาอย่างลงตัวทั้งความนุ่มมีชั้นไขมันแทรกสวยงาม-รสชาติเข้มข้นพร้อมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์หั่นเสิร์ฟชิ้นหนาพิเศษให้ปริมาณเยอะสมราคา วิธีการฟินนั้นก็ง่ายๆเพียงนำลงย่างบนเตาถ่านตนได้ระดับความสุกเกรียมที่ต้องการแล้วจุ่มลงในซอสโอสุกิมิเข้มข้นรสชาติหวาน,เค็มผสมไข่แดงโมริทามะเกรดกินดิบได้อย่างสบายใจนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นให้อารมณ์เหมือนยากิสุกี้สุดนัวแสนละมุนกลมกล่อมกระจายในปาก สายเกาหลีหรือของดิบแม้ร้านนี้จะไม่มีซาชิมิให้บริการแต่น่าจะถูกใจกับจานนี้แทน "ยุกเกะ" ราคา 280 บาท เนื้อทาจิมะวากิวแทรกไขมันแล่ชิ้นเส้นยาวคล้ายโซเมงคลุกซอสยำสไตล์ดินแดนโสมขาวจนซึมเข้าเคลือบทุกเส้น โดยมีส่วนประกอบหลักคือโคชูจัง-น้ำมันงาปรุงรสชาติเค็มหวานเผ็ดอมเปรี้ยวนิดๆเพิ่มตกแต่งให้สวยงามด้วยไข่แดงโมริทามะรองแตงกวาญี่ปุ่นหั่นเส้นเล็กก่อนเสิร์ฟ วิธีการทานเพียงคลุกทุกอย่างให้เข้ากันก่อนเข้าปากก็อร่อยนัวไหลลื่นลงคอให้สัมผัสกรุบกรอบตัดกันเล็กน้อยเข้ากันได้อย่างลงตัวเหมาะแก่การกินเล่นหรือทานเป็นกับแกล้มมากครับผม
จานถัดไปนั่นคือ "เนื้อริบอาย" ซึ่งยังคงอยู่ในหมวด Honten Special เช่นเดิมราคา 650 บาท ใช้วัวสายพันธ์ุไทยแบล็คผสมขึ้นเองพิเศษระหว่างพ่อญี่ปุ่นกับแม่ท้องถิ่นเหมือนเมนูรายการก่อนหน้านี้แต่อยู่คนละส่วนกัน โดยริบอายนั้นมีจุดเด่นก็คือปริมาณเนื้อแดงและไขมันแทรกอย่างสมดุลจึงได้รับความนิยมในร้านสเต๊กเอามาสไลด์แผ่นบางย่างแบบยากินิคุแบบนี้ก็อร่อยนุ่มเคี้ยวชุ่มฉ่ำละลายในปากไม่แพ้กัน แต่ถ้าคุณชอบเนื้อที่มีไขมันชั้นหนาๆหน่อยเราขอแนะนำว่าควรสั่ง "ส่วนท้องติดมัน" เพราะราคาแค่จานละ 190 บาทเท่านั้นเลือกใช้เฉพาะตรงพื้นท้องวัวคุณภาพสูงระดับ US Prime นำเข้าตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกามีรสชาติเข้มข้นไขมันหอมหวานที่ใครหลายๆท่านชื่นชอบย่างให้สุกเกรียมติดไหม้เล็กน้อยจะกรอบคล้ายเบคอนเสิร์ฟให้หลายชิ้นเยอะเต็มอิ่ม จิ้มซอสยากินิคุรสชาติหวาน,เค็มอมเปรี้ยวเล็กน้อยหอมกลิ่นซิอิ๊วโชยุและขิงสดใส่มิริน,เหล้าสาเกสูตรกลมกล่อมสุดนัวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางแบรนด์ "Yakiniku Yuu" ทุกสาขารับรองว่าต้องติดใจจนต้องเดินทางมาซ้ำอีกเรื่อยๆอย่างพวกเราแน่นอนครับผม
ถ้าคุณมีความฝันอยากชิมเนื้อวัวครบทั้งตัวแค่อย่างละนิดหน่อยในราคาไม่สูงมากนักแนะนำว่ามาที่ "Yakiniku Yuu Honten" แล้วสั่งจานนี้คือ "ทาเบคุราเบะเซ็ท" ราคา 1,600 บาท ซึ่งไม่มีในเล่มเมนูแต่เห็นเพจนักรีวิวคนก่อนหน้าเขาสั่งกันมาถ่ายรูปดูสวยงามชวนให้อยากลอง โดยประกอบไปด้วยเนื้อวัวรวมทั้งหมด 8 ชิ้นส่วนเด่นๆได้แก่ 1. Tokusen หรือสันคอยาวไปถึงช่วงหัวไหล่ชิ้นใหญ่หนาอุดมด้วยไขมันและคอลลาเจนรสชาติเข้มข้นพิเศษ 2. Super หรือซูเปอร์สันนอกของวัวมีปริมาณของเนื้อแดงค่อนข้างเยอะสีสันสวยงามสดใสเหมาะสำหรับคนที่ร่างกายต้องการโปรตีนอย่างหนัก 3. Tokujou หรือเนื้อสันในอย่างดีของวัวซึ่งปกติมักจะเคลื่อนไหวน้อยมากอยู่แล้วจึงนุ่มนิ่มยิ่งถูกเลี้ยงด้วยกระบวนการพิเศษจึงมีปริมาณไขมันแทรกอยู่อย่างสมดุลลงตัวมากขึ้น 4. Wagyu Karubi หรือตรงช่วงกลางท้องของวัวอันเป็นจุดกำเนิด,สะสมของไขมันเยอะมากที่สุดเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนอื่นๆภายในจานนี้ 5. Tokujou Karubi หรือเนื้อติดกระดูกซี่โครงช่วงปลายรสชาติเข้มข้นพิเศษลอกเอ็นเหนียวๆที่หุ้มเอาไว้ออกแล้วเข้าเครื่องเลื่อยให้ชิ้นขนาดพอดีคำก่อนเสิร์ฟแนะนำให้ย่างบนเตาถ่านทั้งชิ้นจนสุกแล้วก็จับแทะด้วยมืออร่อยเคี้ยวสะใจสุดๆครับผม
ช่องถัดไปก็คือ 6. Tokujou Tan หรือลิ้นวัววากิวปริมาณไขมันแทรกเยอะพิเศษมาพร้อมต้นหอมซอยละเอียดกับเลมอนสีเหลืองสดผ่าซีกไว้บีบก่อนทานคู่กัน 7. Rib Eye หรือซี่โครงชั้นในของวัวซึ่งมักตัดแต่งเป็นชิ้นสเต๊กก้อนใหญ่และโทมาฮอว์คเนื้อแดงติดไขมันปริมาณสมดุลจึงนุ่มรสชาติเข้มข้นกินง่ายๆ 8. Tokujou Nakabara เนื้อตรงส่วนช่องท้องข้างในของวัววากิวเกรดคัดพิเศษราวกับก้อนหินอ่อนสีชมพูสดใสสวยงาม,ไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยนมากนักเมื่อเทียบกับพื้นท้องลักษณะเหมือนเบคอนจานก่อนที่เราสั่งมาลองชิม โดยแล่ด้วยมีดคมกริบชิ้นใหญ่และหนาพิเศษชวนเคี้ยวเต็มปากแบ่งเสิร์ฟเป็นช่องละ 2-3 ชิ้นมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40-50 กรัมบรรจงใส่ถาดหลุมทั้งเก้าช่องน้องวัวสีดำสุดน่ารักเหมาะแก่การถือขึ้นมาถ่ายรูปอวดเพื่อนๆอัปโหลดลงบนโลกโซเชียล ซึ่งในครัวได้โรยเกลือ,พริกไทยดำ,ราดน้ำซอสสูตรพิเศษลงไปบางส่วนอยู่แล้วแต่เพิ่มความพิเศษอีกอย่างด้วย "อะรากิริ-วาซาบิ" หรือหัววาซาบิดองให้รสชาติเปรี้ยว-เผ็ดฉุนขึ้นจมูกช่วยเพิ่มความสดชื่นเหมือนได้กดปุ่มรีเฟรชเริ่มต้นความอร่อยใหม่อีกครั้งครับ
สำหรับวิธีการย่างเนื้อที่ร้าน "Yakiniku Yuu Honten" มีข้อควรระวังเพียงข้อเดียวก็คือถ่านไฟร้อนแรงมากๆแนะนำว่าไม่ควรปิ้งปริมาณเยอะพร้อมกันเพราะจะพลิกกลับไม่ทันแล้วไหม้จำใจต้องยอมทิ้งเสียเปล่าโดยเฉพาะจานที่ราดและหมักซอสต่างๆซึ่งผสมน้ำตาลจึงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ คีบลงเตาประมาณ 1-2 ชิ้นแล้วใช้สมาธิจดจ่อกับการสังเกตจนกว่าจะได้ความสุกในระดับที่ตนเองต้องการ ยิ่งเฉพาะเมนู "ทาเบคุราเบะเซ็ท" นั้นเต็มไปด้วยเนื้อวากิวรวมกว่า 8 ส่วนซึ่งมีปริมาณเนื้อแดง-ไขมันแตกต่างกันชัดเจนเริ่มต้นที่ 1. Tokusen แทรกไขมันกับคอลลาเจนชวนเคี้ยวหนึบผ่านไฟพอแค่สุกนุ่มชุ่มฉ่ำ 2. Super มีเนื้อแดงเยอะจึงไม่ควรย่างให้สุกเกินไปเพราะจะเหนียวแห้งกินยาก 3. Tokujou สันในส่วนนี้นุ่มอยู่แล้วลงปิ้งไฟแรงระดับไหนก็ยังอร่อย 4. Wagyu Karubi ชิ้นสีขาวแทรกเนื้อสีชมพูอุดมไปด้วยไขมันเยอะสุดจึงต้องปิ้งสุดท้ายเพราะไฟลุกไหม้โหมหนักจนแทบคุมไม่ไหว 5. Tokujou Karubi ซี่โครงติดกระดูกต้องใช้เวลาย่างนานหน่อยไม่งั้นเลือดซึมไหลออกมาจากไขกระดูกดูน่ากลัว 6. Tokujou Tan ใช้ลิ้นวากิวของดีแบบนี้ต้องเบาไฟบรรจงพลิกจนสีเหลืองกรอบใส่ต้นหอมซอยบีบน้ำเลมอนช่วยตัดรสเปรี้ยวสดชื่นลงไปสุดฟิน 7. Rib Eye ผ่านไฟแรงแบบเดียวกับสเต๊กสุกระดับ Medium Rare จะดีที่สุด 8. Tokujou Nakabara ก้อนเนื้อสวยราวกับหินอ่อนปริมาณเนื้อ-ไขมันสมดุลไม่ว่าจะทานรูปแบบไหนก็อร่อยชวนฝันสมเป็น Honten Special ครับ
เนื้อวัววากิวคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยมไขมันเยอะทานไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เลี่ยนจึงต้องสั่งเครื่องเคียงอีกหลากหลายเมนูมาช่วยเสริมให้มื้อนี้อร่อยครบทุกมิติมากยิ่งขึ้นเริ่มต้นด้วย "ผักรวมย่าง" ราคา 120 บาท บรรจุใส่กล่องเบนโตะรวมวัตถุดิบเอาไว้หลายรายการทั้งหอมหัวใหญ่/เห็ดหอมสด/ฝักกระเจี๊ยบเขียว/รากบัวสด/ฝักข้าวโพดหวานจับหั่นเสียบไม้ให้พลิกย่างง่ายๆ "กะหล่ำปลี" ราคา 80 บาท ตัดแกน-ก้านแข็งชวนเคี้ยวติดฟันออกเหลือเฉพาะใบล้วนจัดลงชามราดด้วยซอสยากินิคุสูตรเข้มข้นพิเศษปิ้งผ่านไฟแค่พอสลดนิ่มก็ได้รสชาติเค็มกลมกล่อมหวานจากหัวกะหล่ำออร์แกนิกตามธรรมชาติดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ "กิมจิ" ราคา 100 บาท สูตรญี่ปุ่นดองให้เปรี้ยวนำเค็มไม่ค่อยเผ็ดฉ่ำน้ำผักกาดขาวแตกระเบิดในปากเวลาเคี้ยวอัดแน่นเต็มถ้วยให้ปริมาณเยอะกว่าที่เห็นบนรูปถ่ายในเล่มเมนูและ "กระเจี๊ยบท็อปปิ้งปลาชิราสุราดซอสพอนสึยูสุ" ราคา 90 บาท เลือกใช้เฉพาะฝักกระเจี๊ยบอ่อนพิเศษสีเขียวไร้เสี้ยนชวนติดฟันหั่นท่อนขนาดพอดีคำโดยนำส่วนหัว,ท้ายทิ้งไป จัดเสิร์ฟใส่ชามก้นลึกราดพอนสึเปรี้ยว,เค็มมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ท็อปปิ้งปลาข้าวสารหรือชิราสุปิดท้ายคัตสึโอตากแห้งขูดเส้นฝอยเรียงสามชั้นดูสวยงาม วิธีการทานน้องพนักงานแนะนำว่าคลุกส่วนประกอบทุกอย่างเข้ากันแบบสลัดเย็นฉ่ำให้หลากหลายสัมผัสที่แตกต่างในจานเดียวครับ
สายเกาหลีตัวจริงก็ยังฟินได้ถึงแม้จะอยู่ในภัตตาคารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นเพียงออเดอร์เมนู "ผักคอสและมิโสะหมูสับ" ราคา 120 บาท ใช้ผักคอสออร์แกนิกขนาดใหญ่พิเศษเฉพาะใบอ่อนด้านในเท่านั้น จิ้มมิโสะใส่หมูสับสูตรพิเศษคล้ายทันตัมในร้านราเมงทำจากมิโสะแดงผัดพริกให้อารมณ์คล้ายโคชูจังหรือจะวางเนื้อวัว-หมูย่างร้อนๆห่อกินคู่กันจับใส่ปากคำใหญ่ๆเหมือนซีรีส์ของดินแดนโสมขาวก็อร่อยเด็ดสะใจสุดๆ ส่วนจานถัดไปนั้นก็ยังคงอยู่ในหมวดเครื่องเคียงธรรมดาแต่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปเล็กน้อยคือ "สาหร่ายย่าง" ราคา 90 บาท ใช้โนริแผ่นบางๆเคลือบด้วยซอสรสชาติหวานเค็มกลมกล่อมหอมน้ำมันงากรุบกรอบ ช่วยป้องกันการปลิวสูญหาย-พลิกง่ายขึ้นแค่กลัดไม้จิ้มฟันเพียงอันเดียวช่วยให้ชีวิตในการปิ้งย่างง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะย่างแค่ผ่านความร้อนเพื่อไล่ความชื้นส่วนเกินออกไปก็จะกรอบฟูอร่อยข้ามไปอีกขั้น จานสุดท้ายส่วนตัวอยากทานมากแต่เพื่อนสมาชิกร่วมโต๊ะทุกคนไม่กล้าลองจึงต้องรอจนใกล้อิ่มแล้วสั่งมาหลังสุดได้แก่ "ขอบกระด้ง" ราคา 150 บาท เป็นเครื่องในชนิดหนึ่งของวัวแต่เนื่องจากถูกอัปเกรดเข้าสู่สายพันธฺุวากิวจึงมีไขมันเยอะ หมักซอสมิโสะแดงรสชาติหวานเผ็ดเข้าเนื้อเข้มข้นย่างไฟอ่อนๆกรุบกรอบเหมือนกำลังเคี้ยวปลาหมึกสดเด้งดึ๋งอย่างสนุกสนานในปากแม้จะไม่ใช่ Signature แต่ก็แนะนำให้ลองสั่งแล้วจะติดใจครับ
อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วว่าเตาถ่านของร้าน "Yakiniku Yuu Honten" นั้นรุนแรงมากจานที่เคลือบซอสหนาอย่างเมนู "เซ็ทครอบครัวหมู" ถ้านำลงย่างจำนวนมากแล้วพลิกไม่ทันจะไหม้ง่ายมากแล้วต้องทิ้งอย่างน่าเสียดายยังไงต้องระวังในจุดนี้ ส่วนตัวแนะนำว่าไม่ต้องรีบเพราะน้องพนักงานคอยดูแล,บริการเปลี่ยนตะแกรงปิ้งอันใหม่ตลอดเวลา (ยังไม่ทันเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมดดีก็เดินมาขออนุญาตสลับให้แล้ว) เมื่อความร้อนเริ่มลดลงก็สามารถขอให้ช่วยเขี่ยหรือเติมถ่านได้ฟรีไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด โดยเนื้อวากิวของทางร้านสามารถอร่อยได้หลายรูปแบบทั้งจิ้มซอสยากินิคุสูตรพิเศษที่ครองใจลูกค้ามายาวนานกว่า 20 ปี เพิ่มพริกสด/กระเทียมบดละเอียด/น้ำมะนาวกับโคชูจังสไตล์เกาหลีลงไปได้ตามใจ หรือถ้าคุณเป็นสายซีเรียสที่ประณีตเรื่องรสชาติของวัตถุดิบตัวยงก็มีเกลือสีชมพูหิมาลายัน/พริกไทยดำบดใหม่ให้บิดด้วยตนเอง ยิ่งสั่งชุด Lunch Set เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. เท่านั้น (ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ฟรีข้าวสวยญี่ปุ่น,ข้าวผัดกระเทียม,ซุปมิโสะ,สลัดผัก,ของทานเล่นประจำวันเติมได้ไม่อั้นพร้อมขนมหวานปิดท้าย 1 อย่าง มีส่วนลด 10% ทุกวันเฉพาะสมาชิกคิดยังไงก็คุ้มสุดครับ
นอกจากจะมีไอศครีมมัทฉะถั่วแดงใส่เต้าฮวยนมสดในเซ็ทครอบครัวหมูจะมาเสิร์ฟให้ปิดท้ายมื้อนี้กันคนละถ้วยแล้วแต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากละลายง่ายเพราะเป็นสูตรโฮมเมดไร้สารทำให้คงตัวไม่ค่อยสวยงาม ก็เลยจัดขนมหวานอย่างอื่นมาเพิ่มอีกทั้ง "ยูกิย่าชาไทย" ราคา 120 บาท น้ำแข็งไสญี่ปุ่นหรือคากิโกริราดด้วยชาไทยเข้มข้นพิเศษหวานน้อยหอมใบชาอัสสัมเพิ่มไข่มุกต้มบราวน์ชูการ์/นมข้นหวาน/วิปปิ้งครีมสดบีบให้ตั้งยอดและตกแต่งด้วยป๊อกกี้รสช็อกโกแลตแบบแท่งเพื่อความสวยงาม "ยูกิย่าสตรอว์เบอร์รี่" ราคา 120 บาท ใช้นมสตรอว์เบอร์รี่แทนน้ำแข็งไสปกติราดซอสสตรอว์เบอร์รี่เข้มข้นกับโมจิไส้ครีมสตรอว์เบอร์รี่เพิ่มวิปครีมตกแต่งด้วยป๊อกกี้รสสตรอว์เบอร์รี่สีชมพูสวยงามรสชาติหวานอมเปรี้ยวเย็นสดชื่นช่วยฟื้นชีวิตให้กลับมาคืนความสดใสอีกครั้ง สำหรับเครื่องดื่มทั้งมัทฉะกับชาข้าวญี่ปุ่นรีฟิลแก้วละ 50 บาทเติมสลับกันได้แล้วมาถึงร้าน "Yakiniku Yuu Honten" ยังมีอีกรายการที่ไม่ควรพลาดคือ "ยูสุเฟรช" และ "ยูสุโซดา" แก้วละ 75 บาท ทำจากส้มญี่ปุ่นกลิ่นหอมมีเอกลักษณ์หวานเปรี้ยวๆชงกับน้ำเปล่าหรือโซดาก็อร่อยซ่าถึงใจ อิ่มแล้วได้เวลาเรียกน้องพนักงานมาคิดเงินซึ่งร้านนี้ "ไม่รับชำระด้วยเงินสด" นะครับ
มื้อนี้สมาชิกร่วมโต๊ะทั้งหมด 3 ท่าน สั่งอาหารไป 28 รายการเป็น 5,757.88 บาท (รวม Vat.7% กับ Service Charge 10% มีส่วนลดเฉพาะบัตรสมาชิกเพิ่มอีก 10% เรียบร้อยแล้ว) ส่วนตัวถือว่าราคาอยู่ในระดับยอมรับได้เพราะเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบพรีเมี่ยมจริงสถานที่และการตกแต่งนั้นมีเรื่องราวความเป็นมาพิเศษ ถ้าอยากอร่อยประหยัดเงินหน่อยก็สั่ง Lunch Set ไว้ตอบโจทย์ลูกค้าสายเนื้อซึ่งมีงบจำกัด สำหรับวันนี้ร้าน "Yakiniku Yuu Honten" ก็ได้รับคะแนนไป 5 ดาวเต็มอย่างไร้ที่ติครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : อาคารเลขที่ 18 ซอยพัฒนาการ 30 สวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 02-780-2119
Facebook : https://www.facebook.com/Yakinikuyuu
ปัจจุบัน Yuu เปิดบริการอีก 3 สาขาทั้ง The Crystal รามอินทรา/Int Intersect พระราม 3/La Villa อารีย์
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments