ช่วงบ่ายหลังจากประชุมเสร็จยังพอมีเวลาเหลือเจ้านายผมเลยชวนเหล่าเพื่อนๆร่วมงานมาทานร้านอาหารอีสานเปิดใหม่อยู่ภายในซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ (อยู่ระหว่างสุขุมวิทซอย 16 กับ 22) ไม่ไกลจาก Office ที่เราอยู่มากนัก จุดเด่นของที่ร้านนี้คือความสะอาด/การตกแต่งร้านสวยนั่งสบาย มาทานวันก่อนรสชาติถือว่าดีและไม่มีอาการเสาะท้องหลังจากทานเสร็จวันนี้เลยตัดสินใจพกกล้องมารีวิวด้วย ถ้านำรถส่วนตัวมาฝั่งตรงข้ามร้านมีลานจอดรถเสียค่าจอดเป็นรายชั่วโมง แต่ถ้าเดินทางมาด้วย BTS ลงสถานีอโศกเรียกรถเข้ามาในซอยสุขุมวิท 16 ประมาณ 1.4 กม. MRT ลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แล้วกดค้นหาชื่อร้านเรียกรถมาตาม Google Maps ได้เลย หน้าร้านจะมองยากหน่อยเพราะป้ายเล็กมากๆ แต่ถ้าเจอตึกแถวกระจกบานใหญ่ๆมีแคร่ไม้ไผ่หน้าร้านแบบนี้แสดงว่ามาถูกร้านแล้วครับ
เดินเข้ามาบรรยากาศภายในร้านคืออีสานที่ดูมีสไตล์ไม่รกรุงรัง กำแพงร้านสีเขียวเข้มสลับสีดำใช้โต๊ะไม้สีอ่อนๆกับโต๊ะ-แคร่ไม้ไผ่สลับกันผสมกับลายผ้าขาวม้า/กระด้งและถาดลายดอกไม้แบบโบราณ รู้เลยว่าทุกมุมในร้านทำมาเพื่อให้ชาว Office อยากถ่ายรูปเก๋ๆอวดลงใน Social อย่างแน่นอน แต่บางมุมก็ยังตกแต่งไม่เสร็จดีเพราะวันที่เรามาทานร้านเพิ่งเปิดบริการได้เพียง 10 วันเท่านั้น ถ้าตกแต่งเสร็จครบดีแล้วน่าจะสวยงามกว่านี้อีกหลายมุมเลยครับ
เมนูในร้านยังไม่เสร็จดีแต่วิธีการสั่งอาหารก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะเมื่อเรานั่งลงที่โต๊ะแล้วพนักงานก็จะนำ QR Code มาให้เราสแกนเพื่อเข้าสู่หน้าเว็บไซต์เมนูสั่งอาหารได้ทันทีไม่ต้องคอยมาแย่งดูกันคนละเล่มและสามารถสั่งได้จากในมือถือทันที เข้าไปดูเมนูทั้งหมดของทางร้านได้เลยที่นี่" bit.ly/3iqb1qt "ราคาอาหารเริ่มต้น 60-420 บาท กดสั่งอาหารให้เรียบร้อย ระหว่างนี้ปล่อยให้เพื่อนถ่ายรูปเล่นมุมต่างๆในร้านส่วนเราไปดูวิธีทำส้มตำของที่นี่กันครับ
เคล็ดลับของความสดใหม่ที่ร้านนี้คือวัตถุดิบของสดทุกอย่างไม่มีการวางเตรียมไว้นอกตู้เย็น จะถูกหยิบออกมาหลังจากที่มีออเดอร์เท่านั้นของแห้งอื่นๆถูกปิดฝาอย่างมิดชิด ครกถูกแยกออกเป็น 3 หลุมคือครกสำหรับตำปลาร้า /ครกสำหรับตำไทยและครกสำหรับตำผลไม้ หากไม่ได้ใช้งานแล้วก็ล้างเก็บเช็ดให้แห้งคลุมผ้ากันแมลงไว้เป็นอย่างดี แม่ครัวใส่หมวก/ผ้าปิดปาก/ถุงมือในการทำทุกขั้นตอน ฝีมือในการปรุงรสชาติของที่ร้านนี้เขาเน้นไปทางกลมกล่อมที่สำคัญทุกจานไม่ใส่ผงชูรสแต่ถ้าอยากให้เพิ่มก็บอกได้ กินเผ็ด/เปรี้ยว/อยากได้นัวแบบอีสานแท้ๆก็สั่งได้เลยเต็มที่เพราะพื้นฐานของเชฟร้านนี้เป็นชาวอีสานแท้ๆเคยทำงานที่ภูเก็ตมานานกว่า 20 ปีก่อนจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฝีมือดีพอตัว
เมนูจานแรกออกมาเสิร์ฟก่อนคือ "ตำซั่วหมูยอ" ราคา 95 บาท เป็นตำน้ำปลาร้าใส่หมูยออุบลชิ้นใหญ่ๆเนื้อนุ่มมีกลิ่นพริกไทยอ่อนๆไม่รบกวนความนัวตำปลาร้าโรยเม็ดกระถินมาเต็มหน้า ปรุงรสเผ็ดเค็มนำ-เปรี้ยวอมหวานนิดๆสไตล์ที่คนกรุงเทพฯชอบ เส้นมะละกอสดกรอบเย็นสดชื่นเพราะนำออกมาจากตู้เย็นใหม่ๆสับด้วยมือแบบอีสานแท้ๆ เส้นขนมจีนที่ใช้เป็นเส้นสดไม่ใช่หมักเหมาะกับพวกเราที่ท้องไส้อ่อนไหวต่อของหมักแต่ยังอยากทานปลาร้าอยู่ รวมๆแล้วถือว่าแซ่บนัวทานง่ายรสชาติสะอาดๆได้เนื้อหนังเคี้ยวเต็มคำดี ถ้าอยากได้นัวหนักปลาร้ากว่านี้อย่างที่บอกไปว่าสั่งเพิ่มได้ครับ จานต่อมาเป็นส้มตำที่ทานง่ายๆอย่าง "ตำข้าวโพดไข่เค็ม" ราคา 90 บาท ข้าวโพดต้มหวานๆคลุกกับน้ำส้มตำรสเปรี้ยวอมหวานสไตล์ตำไทย ตัดความเค็มนัวด้วยไข่เป็ดแดงเค็มไชยาเนื้อไข่แดงมันแต่ไข่ขาวไม่เค็มปี๋เกินไปแบบหลายๆร้าน อร่อยสดชื่นกลมกล่อมเหมือนทานยำข้าวโพดน้ำส้มตำเย็นๆทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆอย่างฟินห์
ต่อที่เมนูของย่างจานแรกคือ "ไก่ย่างหินลาวา" ราคา 85 บาท ใช่แล้วไก่ย่างของที่นี่เขาใช้เป็นส่วนสะโพกติดกับน่องหมักนุ่มสไตล์อีสานแล้วนำไปย่างบนหินลาวา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กลิ่นถ่านหอมๆกลับมาแต่ได้ความชุ่มฉ่ำและวิธีนี้ยังช่วยรีดไขมันส่วนเกินออกไปทำให้หนังไก่บางเฉียบไม่เหมือนร้านไหน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มไก่-น้ำจิ้มแจ่วมะขามในจานเดียวกันเลือกความอร่อยได้ 2 อารมณ์ในเมนูเดียว เมนูถัดไปก็ถือว่าเป็นจานที่คู่กับร้านอาหารอีสานคือ "คอหมูย่าง" ราคา 130 บาท เป็นคอหมูย่างทั้งชิ้นหมักด้วยเครื่องสมุนไพรหวานนำย่างด้านนอกสุกสีน้ำตาลแต่เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับแจ่วมะขามรสชาติเผ็ด/เปรี้ยว/หวานหอมกลิ่นพริกป่นและข้าวคั่ว หั่นมาบางๆแต่ชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีส่วนสันคอหมูย่างให้สั่งไม่โกหกว่าเป็นคอหมูแถมแยกมาชัดเจนดี ซื่อตรงต่อผู้บริโภคดีมากๆครับ
จานต่อไปเป็นเมนูธรรมดาแต่มีความพิเศษซ่อนอยู่คือ "ลาบเป็ดยโส" ราคา 140 บาท เป็ดของที่นี่เขาแยกส่วนเนื้อและหนังออกจากกัน เนื้อเอาไปสับทำลาบส่วนหนังเอามาเจียวเป็นกากเป็ดโรยบนลาบส่วนเครื่องสมุนไพรทั้งใบมะกรูด/พริกแห้งต่างก็ทอดในน้ำมันเป็ด เพิ่มความกรุบกรอบและอร่อยนัวอีกชั้นด้วยหอมเจียว จึงทำให้จานนี้อร่อยกรุบกรอบได้หลากหลายสัมผัสในจานเดียวโดยไม่ต้องพึ่งผงนัวใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งไม่มีกลิ่นสาบเป็ดเลย (เดาว่าน่าจะใช้เป็ดสดในการทำ) ดีงามมากๆครับ ตามมาด้วยเมนูซุปซดร้อนๆกันบ้างก็คือ "ต้มแซ่บกระดูกหมู" ราคา 130 บาท ที่ร้านนี้เขาเสิร์ฟมายกหม้อสีฟ้า (แต่คนแก่สมัยก่อนเรียกหม้อสีเขียว) เป็นซี่โครงหมูส่วนติดกับกระดูกอ่อนตุ๋นจนนุ่มเคี้ยวง่ายก่อนจะปรุงตามแบบฉบับต้มแซ่บสไตล์อีสาน รสชาติเปรี้ยวเค็มเผ็ดแซ่บหอมกลิ่นพริกคั่ว-สมุนไฟรสุดนัว ได้ซดร้อนๆอร่อยเปรี้ยวเผ็ดสะดุ้งช่วยให้ตาตื่นดีมาก ถ้าใครไม่ทานเผ็ดสามารถบอกที่ร้านให้ปรับได้เหมือนเดิมครับ
ที่เรายกพวกมากันวันนี้ก็เพราะเมนุนี้เลย "ขาหมูทอดสไตล์เยอรมัน" ราคา 380 บาท (แต่ปัจจุบันปรับราคาขึ้นเป็น 420 บาท เพราะตอนที่เรามารีวิวเป็น Soft Opening) เสิร์ฟมาขาใหญ่ดูจากสายตาแล้วน่าจะประมาณ 1.6-1.7 กก. ตัดแบ่งกันได้ 3-4 คน เมื่อเราสั่งมาตอนเสิร์ฟที่ร้านเขาจะยกออกมาจากครัวทั้งขาให้ถ่ายรูปก่อนหลังจากนั้นจะยกไปหั่นให้ในครัว สามารถทานได้ 2 แบบคือจิ้มกับน้ำจิ้มคล้ายกับซีฟู๊ดของทางร้าน รสชาติปรี้ยวอมหวานพื้นฐานก็เป็นพริกแดง/กระเทียม/มะนาวสด/น้ำตาลเพิ่มความหอมสดชื่นด้วยผักชีฝรั่ง ทำให้การทานขาหมูทอดกรอบๆขนาดใหญ่นี้อร่อยเพลินสุดๆ แต่ที่นี่เป็นร้านอาหารอีสานเขาจึงเสิร์ฟมาคู่กับ "ตำถั่วปลาร้า" เพื่อที่ให้ประกอบร่างกันด้วยกันเป็น "ตำถั่วหมูกรอบ" โดยใช้ขาหมูทอดสไตล์เยอรมันมาทานคู่กันแบบฟิวชั่นก็ทำให้ได้ทานเนื้อ+หนังเต็มที่ในทุกๆคำ ถ้าใครอยากทานนอกจากจะต้องเตรียมพวกมาให้พร้อมแล้ว (ทานไม่หมดทางร้านก็ห่อกลับบ้านฟรี) ใช้เวลาในการทอดอีก 30 นาที แนะนำว่าให้สั่งขาหมูทอดก่อนเป็นอันดับแรกหลังจากนี้ก็ทานจานอื่นรอไปสุดท้ายจะมาพอดี
ส่วนน้ำดื่มนอกจากน้ำเปล่าแล้วเราสั่งน้ำต้มสมุนไพรมาชิมคนละแก้วทั้ง"น้ำอัญชันมะนาวโซดา" ราคา 45 บาท "น้ำชาไทยมะนาว" ราคา 45 บาท "น้ำกระเจี๊ยบ" ราคา 40 บาท และ "น้ำเก็กฮวย" ราคา 40 บาท ที่สั่งเพราะน้องพนักงานเชียร์ว่าเขาต้มสดใหม่ทุกวัน จุดเด่นของแต่ละแก้วคือกลิ่นสมุนไพรชัดเจนทุกๆแก้วมีความหวานแต่ไม่ถึงกับหวานเจี๊ยบ (ปล่อยให้ละลายนิดหน่อยก็จะได้ความหวานที่อ่อนลงมาพอดี) มะนาวที่ใช้เป็นแบบสดเปรี้ยวมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับธรรมชาติ ดื่มแล้วสดชื่นช่วยลดความเผ็ดแซ่บและมันเลี่ยนของอาหารอีสานที่ร้านนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
มื้อนี้มากัน 4 คนทานแบบอิ่มจุกบิลค่าอาหารอยู่ที่ 1,340 บาท ไม่มี Vat. กับ Service Charge มารวมอีกเช่นเคย เฉลี่ยแล้วจ่ายที่ละ 335 บาท ถ้าหากไม่สั่งเมนูราคาแพงก็ประหยัดลงได้อีก รสชาติอาหารอีสานของที่ร้านนี้เขาปรุงตามสไตล์แบบกรุงเทพฯเน้นความเผ็ดแซ่บกลมกล่อมทานง่าย ขั้นตอนการเตรียมอาหารสะอาดทานเสร็จแล้วไม่มีอาการเสาะท้องกลับเข้าไปทำงานแบบสบายๆ ราคาก็ถือว่ารับได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่สั่ง หากอยากได้เมนูที่ฟิวชั่นกว่านี้ที่ร้านเขาก็มีให้สั่งอีกเพียบ ให้รับคะแนนความอร่อยและความ คุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 199/4 ซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. โทร. 02-126-5354
Facebook : https://www.facebook.com/zaabkakkakbangkok
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments