ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ทั้งทีก็เลยพาครอบครัวมาหาร้านอร่อยๆทานกันไม่ไกลจากบ้าน เลื่อนมือถือไปเรื่อยๆจนมาพบกับ "สวนอาหารซุ้มไผ่" อยู่ภายในซอยจริญสนิทวงศ์ 13 (ถนนบางแวก) เปิดกิจการมายาวนานกว่า 40 ปี จุดเด่นของร้านนี้ที่ทำให้ครองใจลูกค้ามาได้ตลอดนั่นคือเสิร์ฟอาหารรสจัดจ้านให้ปริมาณเยอะเต็มอิ่มแต่ขายในราคาสุดเป็นมิตร และมีพื้นที่ให้เลือกนั่งพร้อมห้องคาราโอเกะอย่างกว้างขวางราวกับเป็นอาณาจักรย่อมๆรองรับได้ตั้งแต่มาดินเนอร์กันเป็นคู่ยันยกโขยงกันมาจัดเลี้ยงทั้งบริษัท วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวกดปักหมุดแล้วขับมาตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดขนาดใหญ่พร้อมพนักงานโบกรถคอยอำนวยความสะดวก ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ใช้ MRT ลงสถานีบางแคเดินมาทางออกหน้าห้างเดอะมอลล์แล้วเรียกแท็กซี่เข้ามาที่ร้านอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จุดสังเกตง่ายๆนอกจากป้ายชื่อแล้วก็คือลานจอดรถขนาดใหญ่และตัวร้านที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งชวนให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกงงๆแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้ว เราถึงก่อนแต่อีกชุดยังเดินทางอยู่มาสำรวจรอบๆร้านกันก่อนครับ
โซนแรกเรียกว่าฝั่ง "เบียร์การ์เด้นท์" หรือสวนอาหารขนาดใหญ่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. เป็นแบบ Outdoor เปิดโล่งรับอากาศเย็นๆพร้อมโต๊ะ-เก้าอี้และจัดซุ้มสวยงามให้ถ่ายรูปมากมาย ตกแต่งสไตล์ Vintage ผสม Loft เน้นความย้อนยุคด้วยการใช้รูปวาดกับป้ายไฟโฆษณาเก่าจำนวนมากแปะบนกำแพงอิฐและปูนเปลือยรอบร้านให้ความรู้สึกที่ดูเก่าแก่แต่มีสไตล์ แต่ละโซนกันด้วยกำแพงก่อเตี้ย/กระจกใสทำให้ปลอดโปร่งรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างสวยงาม สำหรับคนที่ชอบดื่มไวน์ทางร้านได้กั้นห้องพิเศษเป็น "Wine Club" สำหรับให้นั่งดื่มพร้อมบาร์นั่งชิลล์โดยเฉพาะ โต๊ะ-ที่นั่งในแต่ละสัดส่วนก็มีการใช้เฟอร์นิเจอร์กับผ้าปูโต๊ะสีแตกต่างกันทำให้ดูนานๆแล้วไม่น่าเบื่อ สำหรับสายดื่มที่กำลังหาร้านนั่งชิลล์พร้อมครอบครัวหรือเพื่อนฝูงน่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ
ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวหรือมานั่งทานข้าวกับเพื่อนๆเป็นกลุ่มใหญ่ทางร้านมีศาลาริมน้ำขนาดเล็กพร้อมห้องคาราโอเกะสามารถรองรับได้ตั้งแต่ 10 คนไปจนถึงเหมาทั้งตึกใหญ่ 2 ชั้นพร้อมเวทีสำหรับทำกิจกรรมนั่งฉลองพร้อมกันได้สูงสุดถึง 80 คน โดยแต่ละห้องก็มีการตกแต่งที่ไม่เหมือนกันและมีกระจายเต็มทุกพื้นที่ภายในร้านรวมๆแล้วเท่าที่สังเกตน่าจะมากกว่า 10 ห้องถ้าชอบมุมไหนเป็นพิเศษแนะนำว่าให้โทรจองก่อน ราคาเหมาทั้งวันตั้งแต่เปิดยันปิดร้านทุกห้องเพียง 1,000 บาท ใช้บริการ 3-4 ชั่วโมง (แล้วแต่วันและช่วงเวลา) มีโปรโมชั่นพิเศษจ่ายเพียงแค่ 500 บาท ส่วนใครที่มากันเป็นกลุ่มเล็กแต่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มอีกหน่อยก็สามารถมานั่งตรงศาลาเล็กล้อมด้วยต้นไม้บรรยากาศร่มรื่นแทนไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด เท่ากับว่ายิ่งมากันเยอะเหมาห้องนานก็ยิ่งคุ้มครับผม
ฝั่งตรงข้ามของโซนร้านอาหารเป็น "ซุ้มไผ่ฟาร์ม" กับคาเฟ่เสิร์ฟเครื่องดื่ม-ขนมหวานชื่อว่า "G&G Café" เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. มีพื้นที่สำหรับให้นั่งรับประทานอาหารโดยสามารถสั่งมาจากฝั่งเบียร์การ์เด้นท์พร้อมชื่นชมเหล่าน้องแพะน่ารักอยู่ภายในรั้วคอยรับแขกอยู่ด้วย เหมาะสำหรับพาครอบครัวมากินข้าวและทำกิจกรรมเพื่อสร้างความประทับใจที่ดีร่วมกันเช่นถ่ายรูปหรือป้อนอาหารให้กับเหล่าแพะ หากใครที่เป็นสาย Café Hopper กำลังหาร้านแนวบ้านกระจกสีขาวเปิดรับแสงธรรมชาติสว่างสดใส/ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ยุโรปและต้นไม้สีเขียวตามมุมต่างๆเพื่อเพิ่มความสดชื่นราวกับได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน รับรองว่าได้รูปสวยๆกลับไปอวดเพียบจนเพื่อนๆอิจฉาอย่างแน่นอน ไหนๆก็แวะมาแล้วอุดหนุนเครื่องดื่มจากที่ร้านกันก่อนคนละแก้วครับ
เข้ามาถ่ายรูปภายในร้านเขาแล้วจะเดินออกไปเฉยๆก็ดูน่าเกลียดเลยเดินไปสั่งเครื่องดื่มมาชิมสักคนละแก้วก่อนออกจากร้านก็คือ "มัทฉะออเร้นจ์" ราคา 70 บาท เป็นชาเขียวชงจากผงมัทฉะญี่ปุ่นแบบเข้มข้นผสมน้ำส้มคั้นสดใส่เกล็ดเนื้อชิ้นเล็กๆรสหวานอมเปรี้ยวตัดกับมัทฉะที่จืดแต่หอมขึ้นจมูกและขมเล็กเพียงเล็กน้อยได้อย่างลงตัว ตกแต่งให้สวยงามด้วยส้มวาเลนเซียชิ้นใหญ่และยอดใบสะระแหน่หรือมิ้นต์ตัดสีเขียวกับส้มได้อย่างสวยงาม หากคุ้นเคยกับ เมนูออเร้นจ์อเมริกาโน่ก็บอกเลยว่าคล้ายๆกันแค่เปลี่ยนจากกาแฟเข้มๆเป็นชาเขียวมัทฉะแทนเท่านั้น ส่วนอีกแก้วคือ "นมสดวนิลาอัญชัน" ราคา 55 บาท ตามชื่อเลยก็คือนมสดเย็นผสมไซรัปกลิ่นวนิลาปรุงรสให้หวานเบาๆหอมมันนมเพิ่มสีสันที่สวยงามและดูมีความเป็นไทยมากขึ้นด้วยน้ำอัญชันเข้มข้นสีฟ้าอมม่วงพาสเทล ท๊อบปิ้งด้วยฟองนมสไตล์คาปูชิโน่กับกลีบดอกอัญชันสดดูหรูหรา เครื่องดื่มสีสวยถ่ายรูปคู่กับมุมต่างๆภายในร้านรับรองปังปุริเย่แน่นอนครับ
เดินกลับไปที่ฝั่งเบียร์การ์เด้นท์ขอน้องพนักงานเอาเล่มเมนูของทางร้านมาเปิดดูกันก่อนว่ามีอะไรให้เราสั่งกินกันบ้าง เริ่มแค่หน้าปกก็ไม่ธรรมดาเพราะได้รับการการันตีความอร่อยบนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ชื่อดังมากมายทั้ง ไทยรัฐ/เดลินิวส์/คมชัดลึก/บางกอกโพสต์/ผู้จัดการ/โพสต์ทูเดย์/บางกอก/นิตยสารคู่สร้างคู่สมและทีวีพูล ส่วนรายการทีวีและวิทยุก็มีทั้ง จส.100/อร่อยช่อง 5/บ้านเลขที่ 5/Clean Food Good Test ล่าสุดที่น่าจะใหม่และคงเหลือเพียงแค่รายการเดียวคือครัวคุณต๋อย (เพราะนอกนั้นปรับตัวเป็นสื่อออนไลน์/ปิดตัวลงตามกาลเวลาที่ผ่านไปกว่า 40 ปี) ภายในเล่มหน้าแรกรายการอาหารแนะนำขึ้นชื่อของทางร้านที่มีให้สั่งเยอะมากรวมถึง 6 แผ่นกระดาษ พร้อมรูปถ่ายประกอบการตัดสินใจสีสันสดใสจัดจานมาอย่างสวยงาม หากคิดไม่ออกว่าจะทานอะไรก็เลือกจากพวกนี้ได้เลยครับ
หมวดแรกเป็นเมนูต้มต่างๆ ทั้งต้มยำ/ต้มโคล้ง/โป๊ะแตก/ต้มจืดและไข่ตุ๋นเสิร์ฟมาบนหม้อไฟร้อนๆ ราคาเริ่มต้นที่ 100-280 บาท มาต่อกันด้วยหมวดแกงต่างๆทั้งแกงส้ม/แกงคั่ว/แกงเลียง/เขียวหวาน/แกงป่าและฉู่ฉี่ ราคาเริ่มต้นที่ 150-300 บาท อาหารประเภทผัดทั้ง เปรี้ยวหวาน/ขึ้นฉ่าย/น้ำมันหอย/เต้าเจี้ยว/ขี้เมา/พริกเผา/ปลาเค็มไปจนถึงผัดไทยและออส่วนก็ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 150-280 บาท หมวดผัดเผ็ดมีทั้งใส่ผัดพริกแกงและพริกสดกับวัตถุดิบแตกต่างกันหลายๆอย่างราคาเริ่มต้นที่ 90-280 บาท หมวดอาหารประเภททอดมีทั้งสำหรับทานเล่น/จานหลักและกับแกล้มต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 90 บาทไปจนถึงปลากะพงเสิร์ฟยกทั้งตัวราคา 380 บาท เมนูทอดกระเทียมถูกแยกก็มาเป็นอีกหมวดราคา 150-380 บาท อาหารประเภทผัดเส้น มีทั้งหมี่กระเฉด/ราดหน้า/ผัดซีอิ๊วราคาเริ่มต้นที่ 150-200 บาท หมวดอาหารประเภทนึ่งมีทั้งปลาเก๋า/ปลากะพง/ปลาช่อน/ปูไข่/หมึกไข่/กุ้ง/ปลาคังและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เอามานึ่งมะนาว/ซีอิ๊ว/บ๊วย/แจ่วอีสาน/นมสดและลวกจิ้มราคาเริ่มต้นที่ 250-380 บาท
หมวดต่อไปเป็นอาหารที่ทำจากปู ทั้งผัดผงกระหรี่/พริกไทยดำ/พริกสด/ดองน้ำปลาและเอามาใส่ในส้มตำราคาจานละ 300 ไปจนถึงคิดตามน้ำหนัก อาหารประเภทย่าและเผาเช่นทะเลรวม/คอหมูย่าง/เนื้อย่าง/กุ้งแม่น้ำ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดและน้ำจิ้มแจ่ว ราคาเริ่มต้นที่จานละ 150 ไปจนถึงชุดใหญ่จัดเต็มราคา 1,590 บาท มาต่อกันที่หมวดข้าวผัดทั้งปู/กุ้ง/ปลาหมึก/หมู/ไก่/รวมมิตรและคะน้าปลาเค็มราคาจานละ 90 บาท ถ้าสั่งเป็นเปลใหญ่กินกันหลายๆคนราคา 200 บาท น้ำพริกต่างๆทั้งชื่อแปลกอย่างไททานิค/กุ้งสด/มะม่วงและหลนเสิร์ฟพร้อมผักสดราคาที่ละ 150-200 บาท อาหารประเภทยำไว้สั่งเป็นกับแกล้มราคาจานละ 150-250 บาท ส้มตำอีสานใส่ท๊อบปิ้งต่างๆราคาจานละ 90-300 บาท หมวดสุดท้ายเป็นกับแกล้มรสแซ่บเว่อร์ทั้งลาบ/น้ำตก/พล่าและแช่น้ำปลา ราคาจานละ 150-300 บาท ส่วนราคาอาหารที่เห็นในเล่มอาจมีการปรับในแต่ละวันยังไงถ้าซีเรียสมากๆให้ถามราคาก่อนสั่งด้วยครับ (ฟังน่ากังวลแต่ส่วนใหญ่จะคงราคาเดิมเอาไว้มากกว่าเว้นแต่ว่าวัตถุดิบนั้นหายากมากจริงๆ) นอกเหนือจากนั้นเป็นเครื่องดื่มทั้งไวน์/เบียร์สด/เหล้าปั่น/น้ำผลไม้ปั่น/น้ำดื่ม/น้ำอัดลม/น้ำแข็งขายเป็นขวด-เหยือกราคาไม่แพงครับ
ขนมหวานแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือสั่งตรงจากทางร้านและสั่งให้มาเสิร์ฟจาก "G&G Cafe" มีให้สั่งทั้งสละลอยแก้ว/เฉาก๊วย/ไอศครีม/ผลไม้รวมและมะม่วงน้ำปลาหวานราคาเริ่มต้นที่ 25-180 บาท เครื่องดื่มมีให้สั่งทั้งกาแฟ/ชาเขียว/ชานม/นมสด/ชามะนาว/ชาอู่หลง/อิตาเลียนโซดา/น้ำผลไม้ปั่น/ช๊อกโกแลตและโซดาผลไม้รวม(แบบร้อน/เย็น/ปั่น) ส่วนขนมหวานที่ส่งตรงมาจากคาเฟ่มีให้สั่งเป็น ขนมปังเย็น/บลูเบอรี่ชีสพาย/วาฟเฟิลไอศครีมกับขนมปังปิ้งโรยหน้าต่างๆ โดยแต่ละเมนูไม่มีราคาเขียนบอกต้องสอบถามเองก่อนสั่งและสามารถออเดอร์ได้ก่อน 18.00 น. เท่านั้น เพราะเวลาทำการของ "G&G Cafe" อยู่ที่ 08.00-18.00 น. อย่างที่เราเคยบอกไปในเบื้องต้นนั่นเองครับ
สั่งอาหารต่างๆไปเมนูจานแรกมาเสิร์ฟก่อนเป็นการเรียกน้ำย่อยก็คือ "หมูสะเต๊ะ" ชุดใหญ่ขนาดนี้ราคาเพียงแค่ 100 บาท ประกอบไปด้วยเนื้อหมูส่วนสันนอกสัมผัสเคี้ยวแน่นติดไขมันนิดๆหมักกับเครื่องเทศและกะทิสดหอมกลิ่นผงกระหรี่เสียบไม้แบบอวบๆย่างบนเตาถ่านจนสุกถึง 10 ไม้ มาพร้อมกับขนมปังแผ่นใหญ่เนื้อหนานุ่มฟูย่างให้กรอบนิดๆด้านนอกทานคู่กับน้ำจิ้มสะเต๊ะสูตรพิเศษรสหวานเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกแกงและเครื่องเทศผสมถั่วลิงสงป่นเพิ่มความเข้มข้นหอมมันเคลือบตัวหมูสะเต๊ะย่างได้อย่างทั่วถึง ตัดเลี่ยนให้ได้ทานง่ายยิ่งขึ้นด้วยอาจาดรสเปรี้ยวอมหวานใส่ผักสดกรุบกรอบลงไปมากมายทั้งพริกชี้ฟ้าสีเขียว-สีแดง/แตงกวาและหอมแขกฉุนขึ้นจมูกอ่อนๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดีในทุกๆองค์ประกอบภายในจานสมกับเป็นเมนูแนะนำสุดๆ จานต่อไปสั่งมาเองเพราะเป็นของโปรดนั่นก็คือ "ทอดมันกุ้ง" ราคา 200 บาท เสิร์ฟมา 5 ชิ้นใหญ่รองด้วยเกี๊ยวเส้นทอดกรอบและใบชะพลูชุบแป้งทอด ตัวเนื้อทอดมันเป็นกุ้งบดผสมเนื้อกุ้งสับปรุงรสด้วยรากผักชี/กระเทียมพริกไทยตามแบบฉบับร้านอาหารจีนแต่สูตรของที่นี่ได้เพิ่มกลิ่นหอมพิเศษบางอย่างลงไปนั่นก็คือใบมะกรูดซอย ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยรสหวานอมเปรี้ยวและน้ำจิ้มไก่ที่เพิ่มความเผ็ดขึ้นมาอีกนิดผสมกับกลิ่นสมุนไพรบางเบา ช่วยทำให้ทานได้ง่ายยิ่งขึ้นและไม่เลี่ยนจนถึงชิ้นสุดท้ายครับ
จานต่อไปเป็นเมนูแนะนำที่เห็นทุกโต๊ะภายในร้านเขาสั่งกันนั่นก็คือ "คอหมูย่าง" ราคาจานละ 150 บาท ก่อนอื่นอยากให้ลืมคอหมูย่างที่ขายในร้านอาหารอีสานข้างทางทั่วไปก่อน เพราะสูตรของร้านนี้เขาใช้คอหมูแท้ผสมกับสันคอทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยนไขมันมากนัก เอามาหมักด้วยซอสและเครื่องสมุนไพรจนรสชาติเค็มหวานเข้มข้นเข้าเนื้อเอาไปย่างบนเตาถ่านจนมีกลิ่นหอมควันเนื้อด้านนอกสุกเกรียมนิดๆด้านในชุ่มฉ่ำเคี้ยวหนึบๆ มาพร้อมซอสน้ำจิ้มแจ่วสไตล์อีสานรสเผ็ดอมหวานเปรี้ยวจัดจ้านหอมกลิ่นพริกแห้งคั่วสะใจ ตัดเลี่ยนจากไขมันหมูด้วยมะเขือเทศกับสับปะรดเนื้อหวานฉ่ำอมเปรี้ยวนิดๆถือว่าดีมากและแนะนำว่าต้องสั่งเลยครับผม จานต่อไปก็เป็นเมนูแนะนำและแม่แฟนผมเป็นผู้คลั่งไคล้ปลาแม่น้ำมากเลยสั่งมานั่นก็คือ "ปลาคังผัดฉ่า" ราคา 250 บาท เป็นเนื้อปลาคังสดชิ้นใหญ่สัมผัสแน่นเด้งหนังเคี้ยวกรุบกรอบราวกับคอลลาเจนจากธรรมชาติผัดฉ่าใส่พริก-มะเขือและเครื่องสมุนไพรสดลงไปมากมาย ปรุงรสชาติมาเค็มอมหวานกลมกล่อมเผ็ดร้อนเหมาะสำหรับทานเป็นกับข้าวหรือทานแกล้มสุดๆ เนื้อปลาคังของทางร้านถือว่าอร่อยสดเนื้อเด้งดึ๋งคุณภาพดีไม่แพ้ร้านอาหารที่อยู่ริมเขื่อนหรือริมแม่น้ำตามต่างจังหวัดเลยแม้แต่น้อยครับผม
เมนูต่อไปเป็นอาหารจีนระดับเหลาที่ให้ปริมาณเยอะจุใจคือ "กุ้งอบวุ้นเส้น" ราคา 300 บาท เสิร์ฟมาใส่ถ้วยใสขนาดใหญ่ทรงลึกกลิ่นหอมเตะจมูก เป็นกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่เนื้อหวานเด้งอบกับวุ้นเส้นเหนียวนุ่มคลุกซอสและเครื่องสมุนไพรต่างๆทั้งขิง/รากผักชี/พริกไทย/กระเทียมแต่ร้านนี้เพิ่มความพิเศษอีกขั้นด้วยพริกไทยสดที่ให้ความเผ็ดร้อนและทานนานๆก็ไม่เลี่ยนจนเกินไป ปกติสูตรร้านอื่นมักจะใช้หมูสามชั้นแต่ร้านนี้เขาใช้เบคอนรมควันเอามาเจียวน้ำมันคลุกกับวุ้นเส้นแทนจึงมีกลิ่นหอมผสมกับน้ำซอสรสเค็มกลมกล่อมไม่จัดจ้านมาก มาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดพริกสีเขียวที่ใส่กระเทียมและพริกลงไปปั่นละเอียดจนเนื้อข้นปรุงรสให้เปรี้ยวตัดหวานแซ่บจี๊ดจ๊าดใช้จิ้มกับกุ้งแชบ๊วยอบหรือเทราดลงไปบนวุ้นเส้นก่อนทานก็อร่อยสไตล์ไทยทานง่ายยิ่งขึ้นไปอีก จานต่อไปเป็นเมนูต้มเสิร์ฟบนหม้อไฟเดือดๆนั่นก็คือ "ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว" ราคา 280 บาท เป็นปลาหมึกไข่ตัวใหญ่เนื้อเด้งในท้องมีไข่เน้นๆเคี้ยวหนุบหนับ มาปรุงแบบนึ่งมะนาวใส่พริกสด/กระเทียม/ขิงมะนาวและเห็ดฟางแต่งหน้าด้วยมะนาวผ่าซีกและขึ้นฉ่าย รสชาติน้ำซุปเค็ม/เปรี้ยวอมหวานเผ็ดจัดจ้านซดแล้วตื่นเต็มตาเพิ่มความเข้มข้นด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดได้ตามใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าทางร้านปรุงมาได้อร่อยมากอยู่แล้วแนะนำให้สั่งเป็นกับข้าวหรือซดหลังจากดื่มก่อนกลับบ้านรับรองว่าได้สติกลับมาแน่นอนครับ
และแน่นอนว่าอาหารรสจัดจ้านก็ต้องมาพร้อมกับข้าวสวยเราสั่งมาเป็นโถใหญ่ราคา 60 บาท ทางร้านได้ใช้ข้าวขาวหอมมะลิหุงสุกนุ่มเรียงกันเป็นเมล็ดสวยงามเข้ากันได้ดีกับทุกๆเมนู สุดท้ายมาทานข้าวกับผู้ใหญ่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือขนมหวานแต่ฝั่ง G&G Café ปิดไปแล้วเลยเลือกมาแค่ 2 เมนูก็คือ สละลอยแก้วราคาถ้วยละ 40 บาท เป็นของยี่ห้อสุมาลีเสิร์ฟมาแบบแข่แข็งในน้ำเชื่อมรสชาติเปรี้ยวอมหวานคว้านเมล็ดมาพร้อมทานแล้วสดชื่นดี ส่วนอีกถ้วยก็สั่งมาเป็นไอศครีมขุนช้างรสช็อกโกแลตบีบวิปปิ้งครีมสดลงไปด้านบนราคาถ้วยละ 30 บาท รสชาติหวานมันกำลังดี นอกจากนี้ยังมีอีก 3 รสชาติให้เลือกก็คือสตรอเบอรี่/วนิลาและกะทิสด (อาจปรับเปลี่ยนแตกต่างกันไปในแต่ละวัน)
นั่งทานไปเรื่อยๆพระอาทิตย์เริ่มตกทางร้านเปิดไฟทางเดินและป้ายโฆษณาเล็กๆสวยงามสว่างสดใสหลากหลายสีสัน พร้อมบริการดนตรีสดทุกคืนเริ่มตั้งแต่เวลา 18.30-23.00 น. หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์จะพิเศษหน่อยเพราะมีวงดนตรีมาด้วยกันถึง 2 กลุ่ม สามารถเดินไปขอเพลงที่อยากฟังได้ฟรีไม่คิดค่าบริการแต่ถ้าหากไม่มีคนขอนักดนตรีจะเล่นเพลงใหม่-สลับเก่าไปเรื่อยๆฟังเพลินจนกว่าจะหมดเวลา เพราะฉะนั้นใครที่กังวลใจว่าพาผู้ใหญ่มาแล้วอาจจะไม่รู้สึกสนุกกับวงดนตรีสดก็สบายใจได้เพราะเพื่อชีวิตหรือสุนทราพรเก่าๆหน่อยเขาจัดให้ได้ตามสั่ง วันนี้ได้อิ่มอร่อยกับอาหารรสชาติจัดจ้านถูกปากและดนตรีสดนั่งชิลล์ที่ขอเพลงได้จนหนำใจแล้ว ก็เรียกน้องพนักงานคิดเงินเลยครับ
มื้อนี้เรามาทานกัน 4 คนสั่งอาหารไป 7 รายการนอกนั้นเป็นเครื่องดื่ม-ขนมหวานต่างๆรวมราคาแล้วอยู่ที่ 1,750 บาท ไม่มี Vat. กับ Service Charge มาบวกเพิ่มก็ถือว่าไม่แพงเพราะให้ปริมาณแต่ละจานเยอะมาก แต่มีข้อจำกัดอีกเล็กน้อยคือร้านพื้นที่กว้างมากทำให้การดูแลลูกค้าและรับออเดอร์ใช้เวลาหน่อยเนื่องจากยังใช้ระบบเดินรับออเดอร์ไปส่งที่ครัว ใครที่หิวจัดอาจจะไม่ค่อยถูกใจนัก ถ้าให้เทียบกับราคาและบรรยากาศที่ได้รับแล้วถือว่าทดแทนกันได้ รับคะแนนความอร่อยคุ้มไป 5 ดาวเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 12 ซอยจรัญสนิทวงศ์13 ถนนบางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. ฝั่ง Farm & Café เปิดให้บริการทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.
(อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล) โทร. 02-410-1915 และ 065-495-1539
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments